ที่ประชุมไอเอ็มเอฟ และจี 20 ออกโรงเตือน เศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังเจอกับปัญหาจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความเสี่ยงจะเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ
เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีการคลัง และนายธนาคารกลาง จากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ (จี20) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างการประชุมประจำปีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ได้มุ่งเน้นการหารือไปในเรื่องความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง 2 ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก
นายชางยอง รี ผู้อำนวยการแผนกเอเชีย แปซิฟิก ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความกังวลขึ้น และมีการประเมินว่า ภูมิภาคเอเชียโดยรวม อาจจะได้เห็นการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หายไปสูงสุดถึง 0.9%
ขณะที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เมื่อถึงที่สุดแล้ว ความตึงเครียดทางการค้า จะทำให้การตัดสินใจลงทุนภาคเอกชนล่าช้าออกไป
ที่ผ่านมา เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของภูมิภาคนี้
แม้ในขณะนี้ ภาวะไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้น ยังส่งผลกระทบอย่างจำกัด และเกิดขึ้นเฉพาะบางประเทศเท่านั้น อย่าง อินโดนีเซีย ที่ค่าเงินรูเปียะห์อ่อนค่าลงแตะระดับสุดในรอบ 20 ปี และฟิลิปปินส์ ที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น
แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น จะยิ่งส่งผลกระทบหนักขึ้น เมื่อรวมกับปัจจัยอื่นๆ อย่าง ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น และการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และประเทศอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ นายอีลาน โกลด์ฟาจ์น ผู้ว่าการธนาคารกลางบราซิล เตือนว่า การปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จะส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่
