World News

‘ดาวโจนส์’ ร่วงเฉียด 100 จุด ตลาดยังกังวล ‘โควิดกลายพันธุ์’ เมินคาดการณ์จีดีพีไตรมาส 3 พุ่ง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ แม้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเชื่อมั่นว่าวัคซีนในปัจจุบันสามารถต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ได้ก็ตาม 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 30,120.99 จุด ลดลง 95.46 จุด หรือ 0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,694.93 จุด ปรับขึ้น 0.01 จุด และดัชนีแนสแด็กที่ 12,815.59 จุด บวก 73.07 จุด หรือ 0.57%

Stocks ๒๐๑๒๑๘

นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 77.8 ล้านราย โดยผู้ติดเชื้อในสหรัฐมีมากกว่า 18.4 ล้านราย ขณะที่มีรายงานพบการกลายพันธุ์ของไวรัสในอังกฤษ ซึ่งทำให้อังกฤษกลับมาล็อกดาวน์ฉุกเฉิน

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงในวันนี้ จากการที่หลายประเทศทั่วโลกพากันระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ หลังพบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเชื่อมั่นว่าวัคซีนในปัจจุบันสามารถต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

ทางด้านเจ้าหน้าที่จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้น หรือมีความร้ายแรงกว่าไวรัสสายพันธุ์ปัจจุบัน แม้ว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า แต่ก็ยังช้ากว่าเมื่อเทียบกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสโรคคางทูม

ตลาดไม่ได้รับอานิสงส์จากการที่สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ สภาคองเกรสยังได้อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564

shutterstock 263686736

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 33.1%

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 5% ในไตรมาส 4

การขยายตัวเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐในไตรมาส 3/2563 ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการเก็บข้อมูลในปี 2490 หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

ในปีที่แล้ว เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 1 และ 2.0% ในไตรมาส 2 ขณะที่เติบโต 2.1% ทั้งในไตรมาส 3 และ 4

นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยต่ำกว่าระดับ 2.9% ในปี 2561 และ 2.4% ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เขาตั้งเป้าการขยายตัวรายปีของเศรษฐกิจสหรัฐไม่ต่ำกว่า 3% ในช่วงการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของเขา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo