World News

เยนอ่อนหนุนหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นตามวอลล์สตรีท-น้ำมัน

ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น เปิดซื้อขายวันนี้ (4 ต.ค.) ปรับตัวขึ้น 123.31 จุด หรือ 0.51% มาอยู่ที่ 24,234.27 จุด แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก

000 1777C7

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดสหรัฐ ทำให้ตลาดในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดแรงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนที่ 114.50 เยนต่อดอลลาร์ ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก รวมถึง รถยนต์ โดยราคาหุ้นโตโยต้าช่วงเช้านี้ ทะยานขึ้นมาแล้ว 1.95% และฮอนด้า ที่เพิ่งประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) เพื่อพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ พุ่งขึ้นมา 1.52%

นักวิเคราะห์ ชี้ว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนกันยายนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ช่วยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ ของสหรัฐ ทำสถิติปิดซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) และยังทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,828.39 จุด เพิ่มขึ้น 54.45 จุด หรือ 0.20% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,025.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด หรือ 0.32% และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,925.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ 0.07%

ตลาดสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดาและเม็กซิโก

ทางด้านราคาน้ำมันดิบน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ในตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% มาอยู่ที่ 76.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับแต่ช่วงปลายปี 2557 เป็นต้นมา

ส่วนราคาน้่ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ที่ตลาดลอนดอน ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ที่ 86.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน แม้ทางการสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม

ขณะที่ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ของสหรัฐ ปรับตัวลงมา 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,202.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้น

นอกจากนี้ การที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี ยังส่งผลให้เกิดแรงเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight