World News

ชาวสหรัฐ ‘เมินคำแนะนำ’ ช่วงเทศกาล ผู้เชี่ยวชาญหวั่นโควิด-19 พุ่งเกินรับมือ

ชาว สหรัฐ นับล้านไม่สนคำแนะนำอย่าเดินทางช่วง “วันขอบคุณพระเจ้า” ผู้เชี่ยวชาญกุมขมับ หวั่น โควิด-19 พุ่งพรวดเกินรับมือไหว

ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาหลายล้านคนออกเดินทางในช่วงเทศกาล วันขอบคุณพระเจ้า โดยไม่สนใจคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่เรียกร้องให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พุ่งสูงทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย. 63) ศูนย์ฯ ได้ออกแนวปฏิบัติฉบับใหม่ซึ่งระบุว่า “การเดินทางอาจเพิ่มความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อหรือเป็นผู้แพร่เชื้อโรคโควิด-19 การเลื่อนกำหนดการท่องเที่ยวและอยู่แต่ในบ้านเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตนเองและผู้อื่นในปีนี้” และวิธีการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าที่ปลอดภัยที่สุดคือ การสังสรรค์กับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม สำนักบริหารความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐ ระบุว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เดินทางผ่านด่านรักษาความปลอดภัยของสนามบินในสหรัฐกว่า 3 ล้านคน

สหรัฐ โควิด-19

แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อแถวหน้าของสหรัฐ ระบุว่าเขารู้สึกกังวลว่าการรวมตัวกันของผู้คนจำนวนมากในสนามบินแห่งต่างๆ จะทำให้สหรัฐ “เผชิญปัญหาใหญ่” ที่หนักกว่าปัจจุบัน

เฟาซีระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ระหว่างช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าจะไม่ปรากฎ จนกว่าจะผ่านไปหลายสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ สหรัฐ เจอ “สถานการณ์ที่ลำบากมาก” เนื่องจากอาจเกิดการระบาดหนักจนไม่สามารถควบคุมได้ก่อนถึงช่วงเทศกาลในเดือนธันวาคม

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ เผยว่ายอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐ พุ่งสูงทำลายสถิติในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อยู่ที่เฉลี่ยกว่า 170,000 รายต่อวัน

สหรัฐ 2

ช่วงที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยรายใหม่ของสหรัฐ สูงทะลุ 1 ล้านรายภายในเวลาเพียง 6 วัน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 12 ล้านรายในวันเสาร์ (21 พ.ย. ที่ผ่านมา) โดยยอดผู้ป่วยรายใหม่ของสหรัฐ สูงทะลุเกณฑ์ 100,000 รายติดต่อกันนานถึง 15 วัน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน

สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน (AAP) และสมาคมโรงพยาบาลเด็ก (CHA) ของสหรัฐ เผยแพร่ข้อมูลล่าสุดซึ่งระบุว่าช่วงวันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2563 อเมริกาพบผู้ป่วยโรค โควิด-19 รายใหม่ที่เป็นเด็กกว่า 144,000 ราย เพิ่มขึ้น 28% และเป็นยอดรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ขึ้น โดยอเมริกาพบเด็กที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 เกือบ 1.2 ล้านรายแล้วจนถึงปัจจุบัน

อนึ่ง มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานว่า อเมริกามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 12,481,000 ราย และผู้เสียชีวิตกว่า 258,600 ราย เมื่อนับถึงช่วงบ่ายวานนี้ (24 พ.ย. 63)

โควิด-19

อินเดียเล็งฉีดวัคซีน โควิด-19 ให้ “บุคคลากรการแพทย์” เป็นกลุ่มแรก

สื่อท้องถิ่นในประเทศอินเดีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก รายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์แนวหน้า 10 ล้านคนจะเป็นประชากรกลุ่มแรกของอินเดียที่ได้รับวัคซีนต้านโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวัคซีนสามารถใช้การได้

หนังสือพิมพ์อินเดียน เอ็กซ์เพรส (Indian Express) อ้างจากแหล่งข่าวของตนว่า มีการกำหนดกลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์ที่จะได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 10 ล้านคน

หนังสือพิมพ์อ้างคำพูดจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับเรื่องการบริหารวัคซีนว่า “เราได้เดินหน้าขั้นต่อไปเพื่อสร้างคลังข้อมูลกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในแนวหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่สำคัญเป็นอันดับแรกแล้ว โดยพวกเขาจะได้วัคซีนโดสแรกระหว่างแผนส่งเสริมการฉีดวัคซีน หลังจากมีวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติโดยหน่วยงานกำกับดูแลของอินเดีย เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์”

“เราได้รับการตอบรับจากหลายรัฐ โดย 92% ของโรงพยาบาลรัฐ และ 56% ของโรงพยาบาลเอกชนในทุกรัฐได้ให้ข้อมูลแก่เรา” แหล่งข่าวกล่าว

การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นดำเนินการ ซึ่งหรรษ วรรธน (Harsh Vardhan) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า วัคซีนโควิด-19 น่าจะใช้งานได้ในอินเดียภายในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ขณะนี้มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวัคซีนที่ใช้ร่วมกับมาตรการด้านสาธารณสุขอื่นๆ ซึ่งผ่านการทดลองและทดสอบแล้ว จะช่วยยุติการแพร่ระบาดได้

คำกล่าวของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเกิดขึ้นหลังจาก “แอสตราเซเนกา” (AstraZeneca) บริษัทผู้ผลิตยาเผยว่าวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิผลสูงถึง 90% จนกลายเป็นบริษัทยารายใหญ่อันดับ 3 ที่รายงานผลการทดลองขั้นท้ายของวัคซีนโควิด-19 ที่มีศักยภาพ ตามหลังไฟเซอร์และโมเดิร์นนา

“ความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งยวด ไม่มีวัคซีนใดในประวัติศาสตร์ที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ชุมชนวิทยาศาสตร์ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับการพัฒนาวัคซีนขึ้นใหม่” ทีโดรสกล่าวเสริม

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo