รัฐบาลอินโดนีเซีย ยืนยัน นักโทษมากถึง 1,200 คน หลบหนีออกจากเรือนจำ 3 แห่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และสึนามิ ที่เกาะสุลาเวสี
เหตุการแหกคุกครั้งใหญ่เกิดขึ้น หลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่วัดความรุนแรงได้ระดับ 7.5 และทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เข้าทำลายเมืองปาลู เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.)
นางปูกูห์ อูตามี เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่า นักโทษได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่งในเมืองปาลู และดอกงกาลา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติครั้งล่าสุดนี้เช่นนี้
“ตอนแรกทุกอย่างดูเรียบร้อยดี แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวได้ไม่นานนัก ก็มีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดิน บริเวณสนามหญ้าของเรือนจำ ทำให้เกิดความอลหม่านขึ้นในหมู่นักโทษ และพวกเขาก็พากันวิ่งออกไปที่ถนน” นางอูตามีกล่าว และว่า น้ำไม่ได้มาจากคลื่นสึนามิแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่รายนี้แสดงความมั่นใจด้วยว่า นักโทษพากันหลบหหนีไปเพราะพวกเขากลัวว่าจะได้รับอันตรายจากแผ่นดินไหว ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของเหล่านักโทษ
รายงานข่าวระบุว่า นักโทษราว 581 คนในเรือนจำแห่งแรก ที่เมืองปาลู พากันวิ่งผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และหนีออกมาทางกำแพงที่พังถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว ส่วนนักโทษในเรือนจำอีกแห่งหนึ่ง ที่เมืองปาลูเช่นกัน หนีออกมาทางประตูหลัก ที่พังลงมาเช่นกัน
ส่วนที่เมืองดองกาลา มีรายงานว่า เรือนจำเกิดไฟไหม้ขึ้น และนักโทษทั้ง 343 คนหลบหนีออกมาจนหมด
“พวกเขาพากันหวาดวิตก อยากรู้ความเป็นอยู่ของครอบครัว หลังจากรู้ว่าดองกาลาได้รับความเสียหายอย่างหนัก”
นางอูตามิบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำได้เจรจากับกลุ่มนักโทษแล้ว ถึงเรื่องอนุญาตให้พวกเขากลับไปดูครอบครัวได้ แต่ดูเหมือนว่า นักโทษบางส่วนจะรอไม่ไหว เลยก่อเหตุแหกคุกขึ้นมา