“อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกออนไลน์จากจีน เปิดเผยว่า ยอดขายจากมหกรรมวันลดราคาประจำปี ฉลองวันคนโสด ทะลุระดับ 70,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2.1 ล้านล้านบาท ไปแล้ว หลังผู้บริโภคที่รู้สึกอัดอั้นจากการไม่ได้ท่องเที่ยว และจับจ่ายมาหลายเดือน เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 พากันควักกระเป๋าช้อปปิ้งกันอย่างมากมาย
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า มหกรรมลดราคาสินค้าวันคนโสด ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่า กิจกรรมการลดราคา Black Friday และ Cyber Monday ในสหรัฐ จัดขึ้นเป็นเวลา 4 วันในปีนี้ และออเดอร์การสั่งซื้อเท่าที่ผ่านมานั้นสูงกว่าที่ผู้ค้าได้รับในกิจกรรม Prime Day ของอเมซอน ที่จัดขึ้น 2 วัน เมื่อเดือนที่ผ่านมาไปถึง 20 เท่าแล้ว บ่งชี้ถึงสภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังผ่านพ้นจุดเลวร้ายที่สุดของการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
หลิว โป รองประธานบริษัท เปืดเผยว่า การเกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้ชาวจีนจำนวนมาก เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ และกลายมาเป็นการกระตุ้นพฤติกรรมการบริโภคผ่านระบบออนไลน์
เสียงตอบรับมหกรรมลดราคาประจำปีของจีนนี้น่าจะช่วยให้ อาลีบาบา รู้สึกดีขึ้น หลังต้องสูญเสียมูลค่าการตลาดไปราว 10% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังหน่วยงานกำกับดูแลกิจการของจีน สั่งระงับแผนการเสนอขายหุ้นใหม่ แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกของ “แอนท์ กรุ๊ป” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
อาลีบาบา เปิดงานมหกรรมลดราคาวันคนโสดปีนี้เร็วกว่าปกติ ด้วยการนำเสนอสินค้าแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า โดยจัดงานช่วงแรกระหว่างวันที่ 1 และ 3 พฤศจิกายน ก่อนจะมาจัดงานในวันจริง ซึ่งคือ วันที่ 11 พฤศจิกายน แต่มีการเก็บตัวเลขยอดขายตลอดระยะ 11 วันไว้
มหกรรมลดราคาครั้งใหญ่ฉลองวันคนโสด วันที่ 11 เดือน 11 นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2552 โดยไม่ได้มีเพียงการลดราคาสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีการแสดงต่างๆ มากมายตลอดทั้งวัน และยอดขายในปีที่แล้วทำสถิติสูงสุดที่ 38,400 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดว่า โปรแกรมงานในปีนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟุ่มเฟือยหรูหรา เพราะผู้บริโภคชาวจีนไม่มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวและช้อปปิ้งในต่างประเทศเหมือนทุกปี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นักวิทย์ชี้ ‘มีคนรัก’ ส่งผลต่อการทำงานของสมอง
- 2,600 แบรนด์ใหม่จากนานาชาติ แห่ร่วม 11.11 ‘เทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสด’ ของจีน
- ‘นักบินมาเลย์’ ยิ้มสู้ ผันตัวขายอาหาร หลังตกงานเซ่นพิษโควิด-19