‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิด ระบุคำฟ้องของก.ล.ต.สหรัฐ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
มัสก์ ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ปฏิเสธการกระทำผิด หลังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.) ได้ตั้งข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ต่อเขา โดยกล่าวหาว่า ผู้บริหารเทสลารายนี้ ทำให้นักลงทุนเกิดความเข้าใจผิดด้วยการทวีตข้อความเกี่ยวกับการนำบริษัทออกจากตลาดเมื่อเดือนที่แล้ว
“การกระทำที่ไม่ยุติธรรมของก.ล.ต.สหรัฐ ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ และผิดหวังอย่างมาก”
เขาบอกด้วยว่า เขามักเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ โดยการให้ความสนใจกับความจริง ความโปร่งใส และนักลงทุนอย่างดีที่สุด ความซื่อสัตย์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา และข้อเท็จจริงต่างๆ จะแสดงให้เห็นว่า เขายึดมั่นในเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ มัสก์ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เขาสามารถหาเงินทุนได้มากพอ สำหรับการนำเทสลาออกจากตลาดในราคาหุ้นละ 240 ดอลลาร์ ทำให้ราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้นไปเกือบ 11% และทำให้ดัชนีแนสแด็ก ต้องระงับการซื้อขายราว 1 ชั่วโมงครึ่ง
ก.ล.ต.สหรัฐ ระบุว่า ทวีตของเขาเป็นการกระทำผิด และชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยที่เขาไม่เคยหารือถึงแผนการนี้กับเจ้าหน้าที่ในบริษัท หรือบุคคลอื่นที่อาจจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้
การตั้งข้อหาต่อมัสก์ในครั้งนี้ อาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออนาคตการทำงานของเขา เพราะนอกจากที่ก.ล.ต.จะหาทางปรับ และเรียกคืนกำไรที่ได้จากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแล้ว ยังต้องการที่จะมีคำสั่งห้ามเขาเข้ารับตำแหน่งผู้บริหาร หรือคณะกรรมการบริหารในบริษัทจดทะเบียนทุกแห่งด้วย
สเตฟานี เอวาเคียน ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายบังคับคดี ก.ล.ต.สหรัฐ ระบุว่า มัสก์รู้ดีว่าข้อความที่เขาทวีตออกไปนั้น ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย
“ซีอีโอเทสลาไม่ได้แม้แต่จะหารือในเรื่องเงื่อนไขหลักๆ ของข้อตกลง รวมถึงเรื่องราคา กับแหล่งเงินทุนที่มีความเป็นไปได้ใดๆ ทั้งนั้น”
การฟ้องร้องดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลา หลังตลาดปิดดิ่งลงไปราว 10% มาอยู่ที่หุ้นละ 277.50 ดอลลาร์ ซึ่งนับแต่วันที่มัสก์ทวีตเรื่องนำบริษัทออกจากตลาดนั้น ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงมามากถึง 25% แล้ว
