World News

ตลาดพักฐานลงทุน รอดูรายงานประชุมเฟด กด ‘ดาวโจนส์’ ลดลง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (18 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่เอสแอนด์พี 500 ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่เคยทำไว้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะขยับลงมาเล็กน้อย ส่วนดาวโจนส์ ยังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 27,802.39 จุด ลดลง 42.52 จุด หรือ 0.15% ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ที่ 3,387.17 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด หรือ 0.15% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,182.35 จุด บวก 52.62 จุด หรือ 0.47%

Stocks ๒๐๐๘๑๘

ในช่วงแรกของการซื้อขาย ตลาดได้แรงหนุนจากการที่บริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่าง โฮม ดีโป้ และวอลมาร์ท เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาเริ่มเกิดแรงขายขึ้น ส่งผลให้ดาวโจนส์ กลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ ส่วนเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก แม้จะขยับลงมา แต่ยังรักษาแดนบวกไว้ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่ตลาดมักจะพักฐาน หลังจากที่ทำสถิติใหม่ๆ ได้

วันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การเริ่มสร้างบ้าน เพิ่มขึ้น 22.6% สู่ 1.496 ล้านหลังในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.22 ล้านหลังในเดือนมิถุนายน และเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.24 ล้านหลัง

ทั้งนี้ การสร้างบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้วในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า ภาคการก่อสร้างบ้านกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 18.8% แตะ 1.495 ล้านหลัง และเพิ่มขึ้น 9.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิป และเทคโนโลยีต่างๆ

สหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือหัวเว่ยเพิ่มอีก 38 แห่ง ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ 152 แห่ง โดยสหรัฐมองว่าหัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีสหรัฐ

นักลงทุนยังรอดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย และแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo