“น้ำท่วมจีน” กระทบประชาชน 24 ล้านคน เศรษฐกิจสูญเสียเกือบ 3 แสนล้านบาท แต่ความเสียหายยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ก.ค. 63) กระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉินของจีน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เข้าสู่เดือนกรกฎาคม 2563 มีประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยหนักราว 23.86 ล้านคน ใน 24 ภูมิภาคระดับมณฑลทั่วประเทศจีน
รายงานระบุว่า เหตุอุทกภัยในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเจียงซี อันฮุย หูเป่ย และหูหนาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหาย 31 ราย และทำให้ประชาชนต้องอพยพย้ายที่อยู่ราว 2.04 ล้านคน
นอกจากนั้น เหตุอุทกภัยยังสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน 151,000 หลัง และก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรง 6.43 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 2.92 แสนล้านบาท
กระทรวงฯ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจาก น้ำท่วมจีน ครั้งนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงเดียวกันในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาถึง 82% ขณะที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของระยะเดียวกัน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มสูงเกินเกณฑ์เตือนภัย
ด้าน เขื่อนสามผา ซึ่งตั้งกั้นกลางแม่น้ำแยงซี ช่วงมณฑลหูเป่ยทางจีนตอนกลาง ได้เปิดประตูระบายมวลน้ำหลากระลอกที่ 2 ของปีนี้อย่างราบรื่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะมวลน้ำหลากเริ่มไหลเข้าเขื่อนน้อยลงแล้ว
รายงานระบุว่า อ่างเก็บน้ำสามผามีน้ำไหลเข้า 46,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อ 20.00 น. ของวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งลดลงจากจุดสูงสุดที่ 61,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อ 08.00 ของวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2563 และกินเวลานานถึง 18 ชั่วโมง
“หนานจิง” ยกระดับเตือนภัยน้ำท่วมสูงสุด
เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2563 สำนักทรัพยากรน้ำของมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ได้ยกระดับการเตือนภัยน้ำท่วมสำหรับเมืองหนานจิงที่อยู่ตามแนวแม่น้ำแยงซี มาอยู่ที่สีแดง อันเป็นระดับสูงสุดของระบบเตือนภัย หลังจากระดับน้ำในเมืองแห่งนี้เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์
เมื่อเวลา 7.50 น. ของวันเสาร์ ระดับน้ำในสถานีอุทกวิทยาหนานจิง เมืองหลวงของมณฑลแห่งนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 10.26 เมตร ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้า 10.22 เมตรที่ถูกบันทึกไว้ในปี 2497
ทางสำนักรายงานว่า กระแสน้ำที่หลั่งไหลเข้ามาและระดับน้ำสูงจะคงอยู่เช่นนี้ต่อไปเป็นเวลานาน เนื่องด้วยสถานการณ์การควบคุมน้ำท่วมที่ยังคงตึงเครียดในขณะนี้
ในอำเภอโซ่วเสี้ยน มณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน ชาวบ้านนำกระสอบมาวางเรียงทำกำแพงกั้นน้ำที่ประตูปินหยาง หลังฝนตกหนักส่งผลให้ระดับน้ำในคูเมืองของเมืองโบราณโซ่วเสี้ยนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หน่วยงานท้องถิ่นจึงเริ่มทำกำแพงกั้นน้ำที่ประตูปินหยางเพื่อป้องกันน้ำท่วม
ทั้งนี้ สำนักบริหารมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน (NCHA) ระบุว่าจนถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 โบราณสถานที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้มากกว่า 500 แห่งได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
ซ่งซินเฉา รองผู้อำนวยการสำนักกล่าวว่า น้ำท่วมจีน ส่งผลให้ โบราณสถานในหลายพื้นที่ตามแนวแม่น้ำแยงซีได้รับความเสียหายมากที่สุด เช่น สะพานโบราณ กำแพงเมือง และสิ่งปลูกสร้างมากมาย
ซ่งกล่าวว่าสำนักได้จัดสรรงบประมาณ 3.5 ล้านหยวน หรือประมาณ 15.85 ล้านบาท เพื่อช่วยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินการกอบกู้โบราณสถาน พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนช่วยกันสนับสนุนการดำเนินงานครั้งนี้
“สี จิ้นผิง” สั่งเจ้าหน้าที่รับมือ น้ำท่วมจีน
ส่วนในแขวงอู่เฉียว เขตว่านโจว เทศบาลนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ประชาชนได้ทำความสะอาดถนน บ้านเรือนและข้าวของที่ถูกน้ำท่วม โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาช่วยประชาชนท้องถิ่นเก็บกวาดเศษซากความเสียหาย อันเกิดจากเหตุน้ำไหลเข้าท่วมถนนหลายสายตามแนวแม่น้ำอู่เฉียวเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563
ทั้งนี้ ในเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน (MWR) ประกาศยกระดับการรับมือภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมอุทกภัย จากระดับ 3 ขึ้นสู่ระดับ 2 ซึ่งเป็นระดับรองสูงสุด ในระบบรับมือเหตุอุทกภัยของจีน เนื่องจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของประเทศ
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ดำเนินความพยายามในทุกด้าน สำหรับการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั่วประเทศ พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และชีวิตของผู้คนเป็นอันดับแรก
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หูเป่ย์น้ำท่วมมิดถนน รถหลายสิบจมหายไปครึ่งคัน
- โควิด-19: มาเลเซียจับตา ‘น้ำท่วม’ เสี่ยงแพร่เชื้อรอบใหม่ ล่าสุดติดเพิ่ม 5 ราย
- จีนยกระดับรับมือ ‘น้ำท่วม’ สู่ขั้นรองสูงสุด ดับแล้ว 141 ศพ อู๋ฮั่นท่วมหนักสุดรอบเกือบร้อยปี
