ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ค.) ปรับตัวในช่วงแคบๆ นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และยังมีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังพุ่งสูงขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 26,307.64 จุด ปรับขึ้น 221.84 หรือ 0.85% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,163.07 จุด บวก 7.85 จุด หรือ 0.25% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,354.05 จุด ลดลง 36.79 จุด หรือ 0.35%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่เริ่มรายงานผลประกอบการในวันนี้
ราคาหุ้นของ เจพี เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้นมา 2.2% เพราะแม้จะรายงานกำไรในไตรมาส 2 ร่วงลงถึง 51% แต่ก็ยังน้อยกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ทั้งธนาคารยังมีการกันเงินสำรองไว้ 10,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดหนี้เสียจำนวนมาก
ตรงข้ามกับหุ้นของเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ที่ดิ่งลงถึง 5.8% หลังรายงานตัวเลขขาดทุนรายไตรมาส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงิน เมื่อปี 2551 ส่วนราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ป ขยับลงมา 0.8% จากการรายงานผลกำไรรายไตรมาส ที่ร่วงลงอย่างหนัก
นักวิเคราะห์ ชี้ว่า เป็นที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ตลาดกำลังเจอกับฤดูการรายงานผลประกอบการที่มีความผันผวนอย่างมาก และการที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ ในหลายรัฐพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จะยิ่งทำให้นักลงทุนพากันอยู่รอบนอก ไม่เข้ามาเคลื่อนไหวในตลาดมากนัก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนโดยรวมของสหรัฐ จะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่หนัก ‘โกลด์แมน แซคส์’ ปรับคาดการณ์ทั้งปีหดตัว 4.6%
- ‘พาวเวล-มนูชิน’ ให้คำมั่น ร่วมมือ ‘พยุงเศรษฐกิจสหรัฐ’ พ้นวิกฤติ ‘โควิด-19’
- ‘เฟด’ เตือนประชาชนอย่า ‘เดิมพัน’ กับเศรษฐกิจสหรัฐ