World News

ยูนิโคล่รุกตลาดเวียดนามปี 62 ตั้งเป้าทำรายได้อาเซียนเพิ่ม 3 เท่า

บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าลำลองสัญชาติญี่ปุ่น “ยูนิโคล่” ประกาศเปิดสาขาแรกในเวียดนาม ปลายปี 2562 ในความพยายามที่จะทำเงินจากเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

000 D75B1

นายทาดาชิ ยานาอิ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอฟาสต์ รีเทลลิง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ซึ่งเป็นบริษัทเสื้อผ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของโลก กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของบริษัท

“เรารู้สึกยินดี และมีมุมมองด้านบวกต่อโอกาสของเรา ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจ และตลาดค้าปลีกดังกล่าว”

สาขาแรกของยูนิโคล่ที่เวียดนามนั้น จะตั้งอยู่ที่นครโฮจิมินห์ เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ และบริหารงานผ่านบริษัทร่วมทุนระหว่างฟาสต์ รีเทลลิง กับมิตซูบิชิ คอร์เปอเรชัน ที่จะถือหุ้นในสัดส่วน 75% และ 25% ตามลำดับ

ผู้ค้าปลีกญี่ปุ่นรายนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนานร้านค้าของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชเนียขึ้นเป็น 2 เท่า ที่ราว 400 สาขา ภายในปี 2565 ซึ่งในปัจจุบัน เครือข่ายร้านค้าในตลาดโลกของยูนิโคล่ครอบคลุมอยู่ 20 ตลาด รวมทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ด้วยจำนวนสาขาทั้งหมดเกือบ 2,000 สาขา

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ 3 เท่า มาอยู่ที่ราว 300,000 ล้านเยน ภายในปีงบการเงินสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2565 ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวเร็วกว่าระดับการเติบโตของรายได้โดยรวมของบริษัท ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า มาอยู่ที่ 3 ล้านล้านเยน ภายในช่วงเวลาเดียวกัน

การประกาศเปิดสาขาในเวียดนามครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นไม่นานนักหลังจากที่บริษัทเพิ่งเปิดร้านยูนิโคล่สาขาแรกในสวีเดน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคู่แข่งรายใหญ่ อย่าง เฮนเนส แอนด์ มอริตซ์ (เอชแอนด์เอ็ม) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา และยิ่งทำให้การแข่งขันระหว่างแบรนด์เสื้อผ้าต่างชาติอย่าง ซารา และเอชแอนด์เอ็ม ในตลาดเวียดนามรุนแรงมากขึ้น

ซาราเข้าตลาดเวียดนามเมื่อเดือนกันยายน 2559 ปัจจุบันเปิดสาขาอยู่ 2 แห่งในนครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ส่วนเอช แอนด์ เอ็ม เปิดร้านไปแล้ว 6 สาขา นับตั้งแต่เปิดสาขาแรกในนครโฮจิมินห์ เมื่อเดือนกันยายน 2560

ทั้งนี้ แบรนด์สินค้าต่างชาติพากันทะลักเข้าไปในเวียดนาม นับแต่ที่มีการเปิดตลาดค้าปลีกท้องถิ่นให้ต่างประเทศเข้าลงทุนเป็นครั้งแรกในปี 2558 และเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปี 2550

ข้อมูลจากบีเอ็มไอ รีเสิร์ช ประเมินว่า ตลาดค้าปลีกเวียดนามจะขยายตัวมากกว่า 3,800 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2564

ที่มา: Nikkei Asian Review

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight