ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (23 มิ.ย.) แม้จะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เต็มไปด้วยความผันผวน หลัง “ปีเตอร์ นาวาร์โร” ที่ปรึกษาด้านการค้าประจำทำเนียบขาว ระบุว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนได้ยุติลงแล้ว หลังมีข้อมูลที่ทำให้มั่นใจว่า ไวรัสโควิด-19 มีต้นตอจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่นของจีน
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 22,621.84 จุด ปรับขึ้น 184.57 จุด หรือ 0.82% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกง ที่ 24,661.04 จุด บวก 149.70 จุด หรือ 0.61% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีนที่ 2,965.53 จุด ขยับขึ้น 0.26 จุด หรือ 0.01% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 2,624.10 จุด ลดลง 5.59 จุด หรือ 0.21%
ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ที่ 26,024.96 จุด เพิ่มขึ้น 153.50 จุด หรือ 0.59% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,117.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.12 จุด หรือ 0.65% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,056.47 จุด เพิ่มขึ้น 110.35 จุด หรือ 1.11% โดยดัชนีแนสแด็กปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7
นายนาร์วาโรกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงการค้ากับจีน หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐ มีข้อมูลที่ทำให้เชื่อมั่นมากขึ้นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีต้นตอมาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น
“มันจบแล้ว เรื่องนี้มาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว หลังจากทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามการค้าเฟสแรกร่วมกันเมื่อวันที่ 15 มกราคม แต่มันจบแล้ว หลังจากเวลา 2 เดือนเต็ม ที่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น ” นายนาวาร์โร กล่าว
ทั้งนี้ นายนาวาร์โรยังได้เปรียบเทียบการกระทำของจีนว่า คล้ายกับเมื่อครั้งที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดการเจรจาสันติภาพ ร่วมกับคณะทำงานของอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน เดลาโน รูสเวลท์ ในช่วงปลายปี 2484 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ญี่ปุ่นจะโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์
“ผมเชื่อว่าทุกคนทั้งภายในสหรัฐและนอกเขตแดนสหรัฐ ต่างก็เข้าใจแล้วว่า จีนโกหก และชาวอเมริกันต้องล้มตายมากมายเพียงใด” นายนาร์วาโรกล่าว
เขาบอกด้วยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะะมีตัวแปรหลักอยู่ 3 ประเด็น คือ การจ้างงาน ประเด็นจีน และกฎหมาย พร้อมระบุว่า การตัดสินใจของทรัมป์ ที่ยุติข้อตกลงการค้าที่เขาผลักดันมาเป็นเวลานานนั้น ย่อมพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้นำสหรัฐ ให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ประเด็นนี้ โดยเฉพาะเรื่องจีน
