ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย.) เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก หลังจาก 6 รัฐ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ สูงเป็นประวัติการณ์ บั่นทอนความรู้สึกของนักลงทุน ที่คาดหวังว่า เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อไวรัสจะฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ที่ 26,258.40 จุด ลดลง 31.58 จุด หรือ 0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,126.27 จุด ขยับขึ้น 1.53 จุด หรือ 0.05% และดัชนีแนสแด็กที่ 9,951.66 จุด บวก 55.79 จุด หรือ 0.56%
แอริโซนา ฟลอริดา และโอกลาโฮมา อยู่ในกลุ่มรัฐต่างๆ ของสหรัฐ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ พุ่งสูงขึ้น ในช่วงเวลาที่กำลังเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
สถานการณ์ดังกล่าว สร้างความกังวลว่าจะเกิดการระบาดรอบ 2 และอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ ที่ยังอยู่ในภาวะซบเซาอยู่ กดดันให้เกิดการเทขายหุ้นที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่าง นอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ ที่ราคาหุ้นดิ่งลงถึง 9% เพียร์ส คาร์นิวัล คอร์ป และรอยัล แคริบเบียน ครูซ ร่วงลงประมาณ 8%
นักลงทุนยังจับตา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีกำหนดเข้าแถลงต่อ ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา เมื่อวานนี (16 มิ.ย.) นายพาวเวลกล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจขนาดย่อม และผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำ รวมทั้งชาวอเมริกันซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เป็นกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด
“การผลิตและการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับกำหนดเวลา และความแข็งแกร่งของการฟื้นตัว ซึ่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นว่าไวรัสดังกล่าวได้ถูกควบคุมแล้ว” นายพาวเวลกล่าว
