ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลงมา ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด ในช่วงเวลาที่นักลงทุนกำลังกังวลอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 24,367.39 จุด ลดลง 106.73 จุด หรือ 0.44% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,941.25 จุด ปรับลงมา 7.26 จุด หรือ 0.25% และดัชนีแนสแด็กที่ 9,275.07 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ 0.11%
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้นอีกในวันนี้ จากการที่ นายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้เสนอกฎหมายใหม่ ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง
กฎหมายใหม่ดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฎ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนว่า สหรัฐจะตอบโต้จีน หากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วง และจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐ ยังลงมติเป็นเอกฉันท์ ผ่านร่างกฎหมาย “Holding Foreign Companies Accountable Act” ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนได้บดบังข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากการที่นพ.แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า วัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ของบริษัท Moderna มีผลการทดลองที่น่าพึงพอใจ
เขาบอกด้วยว่า ถ้าหากไม่พบอุปสรรคอื่นๆ ที่เหนือความคาดหมาย สหรัฐจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเดือนธันวาคมนี้
