World News

‘สหรัฐ’ อาจเผชิญ ‘ฤดูหนาวมืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์’ หากไม่ปรับวิธีรับมือโควิด-19

วอชิงตัน – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ ได้วิพากษ์วิจารณ์ทำเนียบขาว เกี่ยวกับการจัดการกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับ ‘ฤดูหนาวมืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์’ หากสหรัฐไม่ปรับปรุงการเตรียมความพร้อมรับมือการกลับมาของไวรัส

ริก ไบรต์ (Rick Bright) อดีตผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาขั้นสูงด้านชีวการแพทย์ (BARDA) สังกัดกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐ (HHS) ได้แจ้งทำเนียบขาวให้ พิจารณาคดีเกี่ยวกับคำเตือนของเขาว่าจะเกิดการขาดแคลนหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งถูกเพิกเฉยโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาหลายต่อหลายครั้ง

“ผมถูกเมินเฉย และถูกตอบกลับว่าพวกเขายุ่งมาก พวกเขาไม่มีแผนจัดการเรื่องนี้ และพวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบการจัดซื้อสิ่งเหล่านั้น” ไบรต์ให้การพร้อมเสริมว่าพวกเขามี “ข้อแก้ตัวเยอะมาก แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ”

ไบรต์ยื่นเรื่องร้องเรียน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกล่าวว่า ‘เขาถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ’ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาวัคซีนในเดือนเมษายน เนื่องจากเขาต่อต้านการใช้ยาคลอโรวิน (chloroquine) ในวงกว้าง ซึ่งเป็นยาที่ทำเนียบขาวโน้มน้าวให้มีการนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 อยู่บ่อยครั้ง

เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) ไบรต์ซึ่งทำงานอยู่ในสถาบันสุขภาพแห่งชาติด้วยตำแหน่งที่ลดลง ได้กล่าวกับฝ่ายนิติบัญญัติว่า สหรัฐ ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้ยาดังกล่าว และเขากังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา

“เมื่อผมต้องออกมาพูดกับรัฐบาลและกล่าวถึงความกังวลของผมต่อสาธารณชนชาวอเมริกัน เมื่อนั้นผมเชื่อว่าสถานการณ์โรคระบาดคงร้ายแรงจนเกิดความเสียหายครั้งใหญ่แล้ว” เขากล่าวกระตุ้นให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ออกมา “พูดโดยไม่ต้องเกรงกลัวบทลงโทษ”

“เราจำเป็นต้องพูดความจริงกับชาวอเมริกัน พวกเขาสมควรรู้ความจริง ความจริงที่ต้องอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์” ไบรต์กล่าว “เรามีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พวกคุณควรลุกขึ้นมาพูดโดยไม่ต้องกลัวบทลงโทษ และเราทุกคนต้องรับฟัง และทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในความรับผิดชอบของเรา”

ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเขาได้ดูคำให้การของ ไบรต์ แล้ว “ผมว่าเขาก็แค่แค้นหนักที่โดนปลด” เขากล่าวก่อนออกจากทำเนียบขาวไปร่วมงานในแอลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลวาเนีย

ด้าน แอนนา เอสชู (Anna Eshoo) สมาชิกรัฐสภาและประธานคณะอนุกรรมการด้านสุขภาพ สังกัดคณะกรรมาธิการด้านพลังงานและการพาณิชย์ของทำเนียบขาว แสดงความเห็นเกี่ยวกับการรับมือโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวว่า “ไม่เหมาะสม ไร้ประสิทธิภาพ และเชื่องช้าอย่างที่สุด” ระหว่างการพิจารณาคดีในวันพฤหัสบดี

ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบ (CSSE) ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ประกาศสถิติเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีว่ามีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 มากกว่า 1.41 ล้านราย โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 85,000 รายทั่วประเทศ

Covid Tem0114

ไมเคิล เบอร์เจส (Michael Burgess) สมาชิกพรรครีพับลิกันที่ทำงานอยู่ในคณะอนุกรรมการด้านสุขภาพ ยอมรับว่า ไบรต์ได้ ‘ยกประเด็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง’ ซึ่ง ‘สมควรได้รับการสอบสวน’

อย่างไรก็ตาม เบอร์เจส กลับเรียกการร้องเรียนของ ไบรต์ ว่า ‘ยังไม่ผ่านการพิจารณาที่ดีพอ’ และ ‘มีความยากลำบากในการสืบสวน’

สำนักงานที่ปรึกษาพิเศษแห่งสหรัฐ ซึ่งกำลังตรวจสอบข้อร้องเรียนของ ไบรต์ กล่าวว่า ทางสำนักงานได้พบ ‘ความเป็นไปได้สูงว่าเกิดการดำเนินงานผิดพลาด’ ใน การถอดถอนไบรต์ออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่การตัดสินใจขั้นสุดท้าย และขอให้กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐสอบสวนเรื่องนี้

ไบรต์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันและวัคซีน ยังกล่าวถึง การคาดการณ์ที่ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 จะผลิตสำเร็จภายใน 12-18 เดือน นั้นเป็น ‘กำหนดการที่อุกอาจอย่างยิ่ง’

CnyztpE007002 20200513 PEPFN0A001 scaled 1

“มีผู้มองโลกในแง่ดีจำนวนมากที่ตีกรอบเวลาขึ้นมาว่าวัคซีนจะเสร็จในราว 12-18 เดือน” ไบรต์ กล่าวกับฝ่ายนิติบัญญัติในการพิจารณาคดี “หากทุกอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เรารู้ดีว่าทุกอย่างไม่เคยสมบูรณ์แบบ”

“ผมกังวลว่าหากเราเร่งรีบเกินไปและพิจารณาตัดขั้นตอนที่สำคัญออกไป อาจทำให้เราไม่ได้ประเมินความปลอดภัยของวัคซีนอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ผมจึงเห็นว่ามันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง” เขากล่าวเสริม

นอกจากนี้ ไบร์ต ยังชี้ให้เห็นว่า ไม่มีบริษัทใดที่สามารถผลิตวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอสำหรับสหรัฐ หรือทั้งโลกได้

“เราจำเป็นต้อง วางกลยุทธ์และแผนโดยทันที เพื่อรับรองว่าเราไม่เพียงจะจัดหาวัคซีนได้ แต่ยังสามารถผลิต แจกจ่าย และบริหารการใช้วัคซีนได้อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม” เขากล่าว “ซึ่งเรายังไม่มีแผนนั้นและนี่คือเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง”

ไบรต์ ออกมากล่าวสองวันให้หลังจากที่ แอนโธนี เฟาซี (Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐ และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของกองกำลังรับมือไวรัสโคโรนาแห่งทำเนียบขาว ได้เบิกความต่อหน้าคณะกรรมการวุฒิสภา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายอื่น ผ่านการประชุมทางไกล

เฟาซีกล่าวเตือนว่า อาจมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้นหากสหรัฐไม่มีการรับมือที่ ‘เพียงพอ’ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

“มีความเสี่ยงที่เราจะเผชิญการกลับมาของไวรัสอีกครั้ง ซึ่งผมหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราจะมีความสามารถในการรับมือที่เพียงพอ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมเกิดปัญหาแน่นอน” เฟาซีกล่าว

หลังจากนั้น ไบรต์ ได้กล่าวถึงการประเมินที่คล้ายคลึงกัน

“ถ้าเราไม่สามารถปรับปรุงการรับมือของเราได้ในตอนนี้ ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ผมเกรงว่าการระบาดใหญ่จะยิ่งเลวร้ายและยืดเยื้อขึ้น เพราะมีแนวโน้มว่าโรคโควิด-19 จะกลับมาในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลแล้วก็จะสร้างปัญหาอันถาโถม” เขากล่าว “หากไม่มีการวางแผนที่ดีกว่านี้ ปี 2020 นี้ก็อาจเป็นฤดูหนาวที่มืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา”

ที่มา: สำนักข่าวซินหัว

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight