ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (15 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลงมา ท่ามกลางสัญญาณถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่ถดถอยลง ระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,417.47 จุด ลดลง 207.87 จุด หรือ 0.88% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,826.63 จุด ขยับลงมา 25.87 จุด หรือ 0.91% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,860.02 จุด ลบ 83.70 จุด หรือ 0.94%
ตลาดตกอยู่ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น จากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สหรัฐออกกฎเพื่อสกัดการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ซึ่งแหล่งข่าววงในของจีน ที่ใกล้ชิดกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ระบุว่า จีนเตรียมตอบโต้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ หากสหรัฐยังคงใช้มาตรการกีดกันบริษัทหัวเว่ย
ทางด้านนายหู สีจิน บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ของรัฐบาลจีน ระบุว่า จีนจะทำการสอบสวนบริษัทสหรัฐ ซึ่งรวมถึงควอลคอมม์, ซิสโก ซิสเต็มส์ และแอปเปิล หากสหรัฐยังคงใช้มาตรการกีดกันไม่ให้หัวเว่ยเข้าสู่ระบบบซัพพลายเชน
ในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 12.3% หลังจากลดลง 8.3% ในเดือนมีนาคม
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน โดยลดการใช้จ่ายและลดการเดินทาง
