ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (14 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลอีกครั้ง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน ซ้ำเติมความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจขาลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,174.19 จุด ลดลง 73.78 จุด หรือ 0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,807.58 จุด ขยับลงมา 12.42 จุด หรือ 0.44% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 8,819.10 จุด ลดลง 44.06 จุด หรือ 0.50%
วันนี้ ทรัมป์ระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับจีน ที่ล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และว่า การระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วโลก กำลังครอบงำข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ
ตลาดยังเจอปัจจัยลบ จากตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ที่สูงเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.981 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5 ล้านราย ส่งผลให้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นเกือบ 36.5 ล้านราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของประชากรในวัยทำงานทั้งหมดของสหรัฐ นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคมเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดัน จากการที่นักลงทุนรายใหญ่หลายรายออกมาตั้งคำถามถึงภาวะฟองสบู่ในตลาด
ทั้งนี้ นายเดวิด เทปเปอร์ ซึ่งเป็นนักลงทุนประเภทมหาเศรษฐีพันล้าน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปปาลูซา แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
นายเทปเปอร์กล่าวว่า “ตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงมากเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งเป็นรองเพียงในปี 1999 โดยตลาดมีมูลค่าสูงมาก ขณะที่เฟดได้อัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าตลาด”
- น้ำมัน’ ขยับถึง 26 ดอลล์ แรงหนุนปริมาณสำรองสหรัฐร่วง-หวังเศรษฐกิจฟื้น
- ‘โอเปค’ หั่นคาดการณ์ ‘ความต้องการน้ำมัน’ ปี 63 กดราคาร่วง
- กังวลศก.โลก ขาลง ฉุด ‘หุ้นเอเชีย’ ร่วงตาม ‘ดาวโจนส์’