World News

จีนผงาดตลาดใหญ่อันดับ 2 ของค่ายรถญี่ปุ่น

จีนจ่อที่จะแซงหน้าญี่ปุ่น ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นรายใหญ่อันดับ 2 เป็นครั้งแรกในปีนี้ จากการที่โตโยต้า มอเตอร์ และค่ายรถยนต์รายอื่นๆ วางแผนที่จะขยายการผลิตในแดนมังกร เพื่อจำกัดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ

tttt

ระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น 7 ราย ขายรถยนต์ใหม่ในจีนไปแล้ว 2.65 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5% ต่อปี ซึ่งมีการประเมินว่ายอดขายตลอดทั้งปี 2561 น่าจะแตะระดับ 5 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายของผู้ผลิตเหล่านี้ในญี่ปุ่น คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9 ล้านคัน ส่วนสหรัฐ ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นตลาดขนาดใหญ่ของค่ายรถยนต์เหล่านี้อยู่

ตลอดช่วงต้นทศวรรษ 2010 จีนเคยเป็นแค่ตลาดรองสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สถานการณ์นี้เปลี่ยนแปลงไป จากการที่ยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 60% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

จีนยังเป็นผู้ครองตำแหน่งตลาดรถยนต์ใหญ่สุดของโลก ด้วยยอดขายรถยนต์ที่คาดว่าจะถึง 30 ล้านคันในปีนี้ เทียบกับสหรัฐที่คาดว่าจะอยู่ราว 17.5 ล้านคัน

สถานะของจีนยิ่งมีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งขึ้น จากนโยบายของรัฐบาลปักกิ่ง ที่ต้องการนำเสนอตัวเองในฐานะตลาดเปิด ด้วยการเปิดทางให้ค่ายรถยนต์ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นข้างมากในบริษัทร่วมทุนท้องถิ่นได้

นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ที่ทำให้เกิดกระแสปกป้องการค้าแพร่กระจายไปทั่วโลก ยังทำให้บรรดาบริษัทผลิตรถยนต์มองหาลู่ทางที่จะเพิ่มการผลิตรถยนต์ในตลาดที่ตั้งใจจะใช้เป็นเครื่องมือปกป้องความเป็นไปได้ที่จะโดนเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของโตโยต้านั้น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนราว 100,000 ล้านเยน เพื่อเพิ่มความสามารถทางการผลิตรายปีในจีนขึ้นอีก 20% จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 1.16 ล้านคัน โดยบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มการผลิตอีก 120,000 คัน ในโรงงานที่เมืองเทียนจิน ซึ่งบริหารงานโดยบริษัทร่วมทุนกับเอฟเอดับเบิลยูกรุ๊ป และเพิ่มขึ้นในปริมาณเดียวกันนี้ ที่โรงงานกวางโจว ซึ่งบริหารโดยบริษัทร่วมทุนกับกวางโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป

การเพิ่มปริมาณผลิตข้างต้นจะเน้นไปที่รถไฟฟ้า และรถไฮบริดปลั๊กอิน สอดคล้องกับนโยบายของทางการจีน ที่จะบังคับให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วนที่แน่นอน เริ่มตั้งแต่ปีหน้า ในความพยายามที่จะเพิ่มความเชี่ยวชาญในด้านนี้

ที่มา: Nikkei Asian Review

Avatar photo