ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (8 พ.ค.) ปรับตัวสูงขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า ตัวเลขว่างงานในเดือนเมษายนที่ผ่านมา น้อยกว่าที่คาดกันไว้ ทั้งนักลงทุนยังมีมุมมองด้านบวกมากขึ้น จากความขัดแย้งระหว่างจีน กับสหรัฐ ผ่อนคลายลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 24,179.35 จุด พุ่งขึ้น 303.46 จุด หรือ 1.27% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,910.35 จุด ปรับขึ้น 29.16 จุด หรือ 1.01% และดัชนีแนสแด็กที่ 9,068.60 จุด ขยับขึ้น 88.94 จุด หรือ 0.99%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่ง ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขการจ้างงาน ที่ย่ำแย่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แต่ก็ยังสูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะลดลง 21.5 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่ อัตราว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนที่แล้ว สูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
นักลงทุนยังคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่การค้าของทั้งสองประเทศ ยืนยันความร่วมมือในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาค เพื่อเอื้ออำนวยต่อการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก
รายงานข่าวระบุว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ในวันนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกัน ในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างบรรยากาศและภาวะต่างๆ ที่เอื้ออำนวยกับการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐยังได้ตกลงร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะยังคงติดต่อสื่อสารและประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งจีนและสหรัฐได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น จีนตกลงที่จะเพิ่มคำสั่งซื้อสินค้า และบริการจากสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้าอีกอย่างน้อย 200,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงสินค้าเกษตรมูลค่า 32,000 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐลดการขาดดุลการค้ากับจีน ทั้งจีนยังให้คำมั่นว่าจะเปิดเสรีภาคบริการการเงิน และแก้ไขประเด็นที่จีนถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และการปั่นค่าเงินเพื่อหนุนการส่งออก