มาเลเซีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากอินโดนีเซีย ประกาศลดอัตราภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบสำหรับเดือนกันยายน ลงมาเหลือ 0% จากระดับ 4.5% ในเดือนสิงหาคม หลังราคายังอยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางปริมาณสำรองที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน มาเลเซียมีอัตราการจัดเก็บภาษี สำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เริ่มต้นที่ระดับ 4.5% โดยจะเริ่มเก็บเมื่อราคาในตลาดสูงเกินกว่า 2,550 ริงกิตต่อตัน ซึ่งอัตราภาษีสูงสุดจะอยู่ที่ 8.5% สำหรับราคาที่อยู่สูงกว่า 3,450 ริงกิตต่อตัน
บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบอาจจะขึ้น จากความต้องการที่มากขึ้นในอินเดีย สหภาพยุโรป (อียู) และจีน ขณะที่การผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นไม่มากหนัก ซึ่งจะช่วยลดปริมาณสำรองที่มีอยู่
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันปาล์มสำรองของมาเลเซียเพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.21 ล้านตัน จากการที่ผลผลิตเพิ่มสูงกว่าการขยายตัวของการส่งออก โดยผลผลิตเพิ่มขึ้น 13% ต่อเดือน มาอยู่ที่ 1.50 ล้านตัน ขณะที่ส่งออกขยับตัวขึ้น 7.1% ที่ 1.21 ล้านตัน
ในปีนี้ การผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียลดลงมาแล้ว 1.4% มาอยู่ที่ 10.4 ล้านตัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนินโญ ซึ่งตามปกติแล้ว ช่วงเดือนสิงหาคม -ตุลาคม ของทุกปี จะเป็นฤดูที่มีการผลิตสูงสุด
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศ ระบุว่า มีโอกาส 65% ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนินโญขึ้นในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแห้งแล้ง ทำให้ต้นปาล์มในมาเลเซีย และอินโดนีเซียเหี่ยวเฉาลง
ในระยะอันใกล้นั้น ปริมาณน้ำมันสำรองอาจเพิ่มขึ้น แม้แรงกดดันในเรื่องราคาอาจจะจำกัดความต้องการ
“เราคาดว่า การส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน จากความต้องการในช่วงที่อินเดียมีเทศกาล และจีนมีความต้องการเพิ่มขึ้นช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติต้นเดือนตุลาคม” โบรกเกอร์จากยูโอบี เคย์เฮียน ระบุ
