ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (21 เม.ย.) ร่วงลงอย่างหนัก แรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงไปสร้างประวัติศาสตร์ ซื้อขายด้วยราคาติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 23,066.94 จุด ร่วงลง 583.50 จุด หรือ 2.47% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,744.20 จุด ลดลง 78.96 จุด หรือ 2.80% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,260.89 จุด ร่วงลง 299.84 จุด หรือ 3.50%
กองทุนน้ำมันสหรัฐ (USO) ซึ่งเป็นกองทุน ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าดิ่งลง 19.3% สู่ระดับ 3.02 ดอลลาร์ในวันนี้ จากการที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดท กำหนดส่งมองเดือนพฤษภาคม ที่จะหมดอายุลงในวันนี้ ยังคงมีราคาติดลบ ซึ่งหมายความว่าผู้ขายน้ำมันยินยอมที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ซื้อ เพื่อแลกกับการลดภาระ และค่าใช้จ่ายในการกักเก็บน้ำมัน
ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดท กำหนดส่งมอบเดือนมิถุนายน ดิ่งลงกว่า 20% มาอยู่ที่ระดับ 16.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบที่กำหนดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ร่วงลงราว 11% มาอยู่ที่ระดับ 23.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน จากความกังวลถึงความต้องการที่ลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ โดยสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และห้ามการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่คลังเก็บน้ำมันของสหรัฐ กำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกจ่อแตะ 2,500,000 ราย และเสียขีวิตกว่า 171,000 ราย ขณะที่สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต
