ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (20 มี.ค.) ขยับขึ้นมาอยู่ในแดนบวก ตามการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) ที่ฟื้นตัว กลับมาปิดในแดนบวกได้สำเร็จ แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐ และธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าออกมาตรการฉุกเฉินเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 22,641.24 จุด เพิ่มขึ้น 932.11 จุด หรือ 4.29% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ที่ 2,735.85 จุด ปรับขึ้น 33.72 หรือ 1.25% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 2,349.51 จุด บวก 38.51 จุด หรือ 1.67% ส่วนตลาดญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐ ปิดที่ 20,087.19 จุด เพิ่มขึ้น 188.27 จุด หรือ 0.95% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,409.39 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด หรือ 0.47% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 7,150.58 จุด เพิ่มขึ้น 160.74 จุด หรือ 2.30%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นอร์เวย์ สวีเดน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ทำข้อตกลงสว็อปเพื่อเพิ่มสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ระบบการเงินทั่วโลกประสบปัญหาสกุลเงินดอลลาร์ตึงตัว เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.15% สู่ระดับ 0.10% และเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 200,000 ล้านปอนด์ มาอยู่ที่ระดับ 645,000 ล้านปอนด์ และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศโครงการใหม่ ในการซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 750,000 ล้านยูโร โดยการดำเนินการของธนาคารกลางทั้งสองแห่งมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ตลาดยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้อยู่ที่ 28.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ขยับขึ้น 53 เซนต์ ที่ 26.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ เมื่อวานนี้ ทะยานขึ้นมาถึง 25%
