ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 มี.ค.) ปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของวอลล์สตรีท ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจากทั่วโลกจะออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 21,351.40 จุด ขยับขึ้นมา 7.32 จุด หรือ 0.03% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ 26,408.29 จุด เพิ่มขึ้น 116.61 จุด หรือ 0.44% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีนที่ 3,000.67 จุด ปรับขึ้น 29.74 จุด หรือ 1.00% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ที่ 3,034.35 จุด บวก 26.63 หรือ 0.89%
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายที่ 26,703.32 จุด พุ่งขึ้น 1,293.96 จุด หรือ 5.09% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,090.23 จุด เพิ่มขึ้น 136.01 จุด หรือ 4.60% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,952.17 จุด เพิ่มขึ้น 384.80 จุด หรือ 4.49%
เมื่อวานนี้ ดาวโจนส์ ทำสถิติพุ่งขึ้นวันเดียวแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 11 ปี แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ในการออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบของไวรัสโควิด-19
ตลาดยังคาดว่า ในวันนี้รัฐมนตรีคลังกลุ่มจี7 จะมีการหารือผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่จะนำมาใช้รับมือกับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย
ความคาดหวังดังกล่าว ประกอบกับการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตรจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมสัปดาห์นี้ ยังช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนเมษายน ซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เอเชียเช้าวันนี้ ทะยานขึ้นมา 2.7% ที่ 48.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากปิดซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ พุ่งขึ้นไปถึง 4.5% หรือ 1.99 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 46.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
