ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (27 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น ยังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงไปอย่างรวดเร็วนอกประเทศจีน ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และรายได้ภาคธุรกิจมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 26,304.44 จุด ร่วงลง 653.15 จุด หรือ 2.42% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,041.94 จุด ลดลง 74.45 จุด หรือ 2.39% และดัชนีแนสแด็กที่ 8,733.97 จุด ดิ่งลง 246.80 จุด หรือ 2.75%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ดัชนีหลักของตลาดสหรัฐ ร่วงลงมาอยู่ในเขตแดนของการปรับทิศทาง จากการที่ร่วงลงมาแล้วมากกว่า 10% จากระดับปิดที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นมา
นักลงทุนพากันหนีออกจากตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะกังวลถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว
นักวิเคราะห์ยังมองด้วยว่า ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องไวรัสโควิด-19 เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ประกอบกับการพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่อย่างต่อเนื่องทั่วโลก ยิ่งทำให้สถานการณ์ในตลาดย่ำแย่ลง
วันนี้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังออกมาเตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) เมื่อปี 2546
“ถึงแม้จะยังเร็วเกินไป ที่จะประเมินผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็กล่าวได้ว่า ผลกระทบในครั้งนี้จะมีความรุนแรงมากกว่าในอดีต เพราะในเวลานั้น เศรษฐกิจจีนยังมีขนาดใหญ่เพียงแค่อันดับ 6 ของโลก ซาร์สยังทำให้มูลค่าของตลาดหุ้นทั่วโลกหายไป 40,000 ล้านดอลลาร์ แต่ในปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนขยายตัวขึ้นมามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแล้ว”
