ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 ม.ค.) โดยที่ ดัชนี “เอสแอนด์พี 500” และ “แนสแด็ก” ปรับระดับขึ้นมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และความกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บรรเทาลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดมาอยู่ที่ 29,288.29 จุด เพิ่มขึ้น 92.25 จุด หรือ 0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,335.52 จุด ขยับขึ้น 14.73 จุด หรือ 0.44% และดัชนีแนสแด็กที่ 9,419.43 จุด บวก 48.62 จุด หรือ 0.52%
ตลาดได้แรงหนุนขาขึ้น หลังจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง “ไอบีเอ็ม” และ “เน็ตฟลิกซ์” รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นอย่างมาก ช่วยดันให้ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้น
ไอบีเอ็มรายงานตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่พุ่งขึ้น 21% ในธุรกิจคลาวด์ ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 0.1% ที่ 2.178 หมื่นล้านดอลลาร์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ารายได้จะลดลง 1%
ส่วนเน็ตฟลิกซ์ ระบุว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว บริษัทมีจำนวนผู้ใช้บริการสูงเกินคาด โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8.76 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.63 ล้านราย ทั้งยังทำกำไรที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยมีรายได้ 5,500 ล้านดอลลาร์
ความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของจีน และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว หลังมีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐยังทำให้นักลงทุนคลายความวิตก ถึงการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก
