World News

‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ เหยื่อสงครามการค้า ‘สหรัฐ-จีน’

เศรษฐกิจ และตลาดหลักทรัพย์ที่กำลังร้อนแรงของเวียดนาม กำลังได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ ต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งนี้

000 Hkg10204814

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีผลประกอบการดีสุดของเอเชียเมื่อปี 2560 จากการทะยานขึ้นมาถึง 48% นั้น ร่วงลงมาราว 25% จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะนักลงทุนพากันกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบในวงกว้าง จากการจัดเก็บภาษีต่อต้านการผูกขาดตลาดของสหรัฐ ที่มีต่อซัพพลายเชนโลก และเศรษฐกิจเวียดนาม

ตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ที่มีมูลค่าตลาดราว 125,000 ล้านดอลลาร์ เป็นแหล่งลงทุนที่กำลังมาแรงในกลุ่มนักลงทุน เพราะแผนปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล และการปฏิรูปตลาด นอกเหนือจากความหวังที่ว่า อีกไม่นานจะได้รับการจัดอันดับจากเอ็มเอสซีไอ ผู้ให้บริการดัชนี ในฐานะตลาดหุ้นหลักของตลาดเกิดใหม่

โบรกเกอร์จากไซง่อน ซิเคียวริตีส์ อิงค์ แสดงความเห็นว่า ความรู้สึกในตลาดอยู่ในด้านลบอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเรื่องที่นักลงทุนวิตกมากสุด เป็นเรื่องของความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลกระทบด้านลบจากสงครามการค้า ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนตัวออกจากตลาดเวียดนาม

ทั้งนี้ จีนถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของเวียดนาม ซึ่งประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รายนี้ต้องพึ่งพาแดนมังกรอย่างหนัก ในด้านวัสดุ และอุปกรณ์ สำหรับอุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ใช้แรงงานจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน สหรัฐก็เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่สุดของประเทศด้วย โดยเวียดนามขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลกกับจีน แต่ก็ได้เปรียบดุลการค้าจำนวนมากจากสหรัฐ สถานการณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐไม่ค่อยพอใจมากเท่าใด ทำให้เกิดความกังวลว่า สหรัฐอาจจะลงโทษด้านภาษีต่อประเทศขนาดเล็กรายนี้ด้วย

ในเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติกลายเป็นผู้ขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ด้วยยอดการขายหุ้นเกือบ 70 ล้านดอลลาร์ ในตลาดหุ้นโฮจิมินห์ แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นักลงทุนต่างชาติเหล่านี้ จะเป็นผู้ซื้อสุทธิที่ 1,480 ล้านดอลลาร์ ก็ตาม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight