ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 ม.ค.) ปรับตัวในช่วงแคบ ท่ามกลางความกังวลถึงเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากจีน ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก
ความกังวลที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชาวจีนหลายล้านคนจะเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ ทำให้เกิดการเทขายในหลายตลาด และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เคลื่อนไหวล่าสุดมาอยู่ที่ 23,931.30 จุด เพิ่มขึ้น 66.74 จุด หรือ 0.28% ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงที่ 28,071.50 จุด เพิ่มขึ้น 86.17 จุด หรือ 0.31% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ที่ 3,017.67 จุด ดิ่งลง 34.47 จุด หรือ 1.13% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ ที่ 3,242.43 ลดลง 4.74 จุด หรือ 0.15%
เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายที่ 29,196.04 จุด ลดลง 152.06 จุด หรือ 0.52% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,320.79 จุด ลดลง 8.83 จุด หรือ 0.27% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 9,370.81 จุด ลดลง 18.14 จุด หรือ 0.19%
นักลงทุนกังวลในเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพิ่มมากขึ้น หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ เป็นครั้งแรกในสหรัฐ ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มโรงแรมร่วงลงอย่างหนัก
นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ถ้าหากเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก ก็จะสร้างความตื่นตระหนกมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน
ตลาดยังตกอยู่ใต้แรงกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า
ทางด้านราคาน้ำมันดิบในเอเชียวันนี้ ปรับลดลงมาเล็กน้อย หลังนักลงทุนเริ่มบรรเทาความวิตกถึงสถานการณ์การผลิตน้ำมันดิบของลิเบีย และมั่นใจว่าการจัดหาในตลาดโลกไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่าสุด ลดลง 20 เซนต์ มาอยู่ที่ 64.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ลดลง 20 เซนต์ ที่ 58.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
