สถานทูตสหรัฐในบาห์เรน คูเวต และปากีสถาน ออกคำเตือนความปลอดภัย หลังกองทัพอเมริกันส่งโดรนโจมตี สังหาร “คาเซม โซไลเมนิ” นายทหารระดับสูง และหนี่งในผู้ทรงอิทธิพลของอิหร่าน และ “อายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนิ” ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศแก้แค้นอย่างหนัก
สถานทูตสหรัฐ ในปากีสถาน ระบุว่า มีคำสั่งคุมเข้มการเดินทางของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกัน จากความเป็นไปได้ที่จะเกิดการตอบโต้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิรัก โดยให้เจ้าหน้าที่เลื่อนการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นจำเป็น และเป็นเรื่องส่วนตัวออกไปก่อน ซึ่งบ่งชี้ว่า ต้องการให้พลเมืองอเมริกันเก็บตัวเงียบ และเลี่ยงที่จะไปในที่มีผู้คนหนาแน่น
เช่นเดียวกับสถานทูตสหรัฐในคูเวต และบาห์เรน ที่สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมออกคำเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ และพลเมืองอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการชุมนุมทุกอย่าง และเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไว้ให้พร้อมที่จะนำมาใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา
คำเตือนของทั้ง 3 สถานทูตดังกล่าวยังเกิดขึ้น หลังจากที่สถานทูตสหรัฐ ในกรุงแบกแดด เรียกร้องให้พลเมืองอเมริกันเดินทางออกจากอิรักในทันที
ทางด้านกรมตำรวจนิวยอร์ก และลอสแองเจลิส ในสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้มีการจัดวางกำลังเพิ่มเติม เข้าประจำการตามสถานที่ที่มีความอ่อนไหว และติดตามสถานการณ์ในอิหร่าน รวมถึง ตะวันออกกลาง หลังการเสียชีวิตของโซไลเมนิ อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี กรมตำรวจของทั้ง 2 เมืองยืนยันว่า ไม่ได้ตรวจพบภับคุกคามแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นมาตรการเฝ้าระวังล่วงหน้าเท่านั้น
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน แถลงยืนยันว่า คาเซ็ม โซไลเมนิ ผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) และอาบู มาห์ดิ อัล มูฮันดิส รองผู้บัญชาการกองกำลังระดมพลประชาชน (พีเอ็มเอฟ) ในอิรัก ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อยู่ในกลุ่มผู้ที่ถูกสังหาร จากการที่สหรัฐส่งโดรนเข้าโจมตีบริเวณสนามบินนานาชาติแบกแดด ในช่วงเช้าวันนี้ (3 ม.ค.)
เพนตากอนแถลงว่า สหรัฐตัดสินใจที่จะดำเนินมาตรการป้องกันในเชิงรุก เพื่อปกป้องพลเมืองอเมริกันในต่างแดน ด้วยการสังหารโซไลเมนิ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลัง ที่สหรัฐจัดว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ
“การโจมตีครั้งนี้ มีเป้าหมายอยู่ที่สกัดกั้นแผนการโจมตีในอนาคตของอิหร่าน สหรัฐจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องคน และผลประโยชน์ของเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้”