“แกร็บ โฮลดิ้งส์ อิงค์” ผู้ให้บริการเรียกรถรับส่งชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือเป็นพันธมิตรกับ “สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชันส์” หรือ สิงเทล ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของสิงคโปร์ เพื่อยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจ “ดิจิทัล แบงก์” หรือธนาคารดิจิทัล เต็มรูปแบบ ในสิงคโปร์
แกร็บ และสิงเทล แถลงร่วมกันในวันนี้ (30 ธ.ค.)ว่า จะร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ซึ่งแกร็บจะเข้าถือหุ้น 60% และสิงเทล ถือในส่วนที่เหลืออยู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอบริการธนาคารดิจิทัลในหลากหลายรูปแบบ
“เราตั้งเป้าการทำธนาคารดิจิทัล เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลเป็นอันดับแรก กลุ่มคนที่คาดว่าจะได้รับความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัวอย่างมาก และสำหรับธุรกิจขนาดกลาง และย่อม ที่อาจเข้าถึงสินเชื่อได้ลำบาก”
ปัจจุบันทั้งแกร็บ และสิงเทล ต่างมีบริการกระเป๋าเงินดิจิทัล หรืออีวอลเล็ตอยู่แล้ว โดยแกร็บให้บริการในชื่อ “แกร็บเพย์” ส่วนสิงเทลอยู่ภายใต้ชื่อ “แดช”
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่สิงคโปร์กำลังสนับสนุนให้เกิดธนาคารที่ดำเนินการทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้มีต้นทุนการดำเนินงานน้อยลง และนำเสนอบริการที่แตกต่างไปจากธนาคารแบบดั้งเดิม อย่าง ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และโอเวอร์ซีส์ ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ป หลังเปิดเสรีภาคธนาคารครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปี
ธนาคารกลางสิงคโปร์ ตั้งเป้าที่จะให้ใบอนุญาตสำหรับการเปิดธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ 2 รายด้วยกัน และใบอนุญาตสำหรับการเปิดธนาคารดิจิทัลที่ให้บริการเฉพาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นวิสาหกิจขนาดกลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) อีก 3 รายด้วยกัน โดยที่ธนาคารดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบนั้นสามารถรับฝากเงิน และนำเสนอบริการให้กับลูกค้าทั่วไป และลูกธุรกิจได้ แต่จะยื่นข้อใบอนุญาตได้นั้น จะต้องนำโดยบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์
“ใบอนุญาตสำหรับธนาคารดิจิทัลนี้ ถือเป็นการก้าวสู่หน้าใหม่ ในเส้นทางการเปิดเสรีภาคธนาคารของสิงคโปร์ จะเป็นการรับประกันว่า ภาคธนาคารสิงคโปร์ จะรักษาความยืดหยุ่น และความสามารถทางการแข่งขันเอาไว้ได้” ธาร์มัน ชานมูการัตนัม รัฐมนตรีอาวุโส และประธานกรมการเงินสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้
ธุรกิจอื่นๆ ที่ให้ความสนใจที่จะยื่นขอใบอนุญาตธนาคารดิจิทัลของสิงคโปร์ รวมถึง สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ เอ็นทียูซี เอ็นเตอร์ไพรซ์ และวี3 กรุ๊ป ที่จับมือกับเรเซอร์ ซึ่งเอ็มเอเอสจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเหล่านี้ราวกลางปี 2563
ทั้งนี้ สิงเทล ผู้ให้บริการโทรคมรายใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง และแกร็บ ต่างเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในภูมิภาคนี้ และทั้ง 2 บริษัทกำลังเดินหน้ารุกเข้าไปทำธุรกิจใหม่ๆ ต่างจากธุรกิจดั้งเดิมของตัวเอง
ในกรณีของสิงเทลนั้น บริษัทเข้าไปทำธุรกิจออนไลน์ในหลายด้าน อาทิ กระเป๋าเงินดิจิทัล และเกมออนไลน์ ส่วนแกร็บขยายธุรกิจสู่ การบริการส่งอาหาร และบริการการเงินจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ รูเบน ไหล กรรมการผู้จัดการอาวุโส ของแกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป บริษัทลูกของแกร็บ ระบุว่า ก้าวต่อไปของบริษัท คือ การสร้างธนาคารดิจิทัลที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ซึ่งจะให้บริการธุรกรรมการเงิน และการธนาคารหลากหลายรูปแบบ ผ่านการดำเนินงานที่เข้าถึงได้ง่าย มีความโปร่งใส และสะดวกสบาย