ตามปกติแล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามายังเวียดนาม เพื่อดูสถาปัตยกรรมในยุคสมัยอาณานิคม หรือชื่นชมธรรมชาติต่างๆ
แต่ในปัจจุบัน คลินิก และโรงพยาบาลต่างๆ ในเวียดนาม กลายมาเป็นเป้าหมายใหม่ของนักเดินทางต่างชาติ ที่ต้องการนำการพักผ่อนวันหยุด มารวมเข้ากับการรับการรักษาพยาบาล หรือที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
เสถียรภาพทางการเมือง ค่ารักษาพยาบาลที่ย่อมแยา และยาที่คุณภาพค่อนข้างสูง ทำให้การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ผงาดขึ้นมาเป็นภาคธุรกิจมาแรง ผลักดันให้เวียดนามก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ไทย และไต้หวัน ในฐานะแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ แถมยังมีข้อได้เปรียบ ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าด้วย
“ผมมองเห็นแนวโน้มที่ผู้คนจะเดินทางมาที่นี่ เพราะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่ไทย และแน่นอนว่าที่สิงคโปร์ด้วย โดยนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์กลุ่มใหญ่สุด คือ กลุ่มที่เดินทางมาเพื่อทำศัลยกรรมความงาม” ไมค์ ลินช์ กรรมการผู้จัดการ เอสเอสไอ อินสติติวชันแนล โบรกเกอเรจ ในนครโฮจิมินห์ กล่าว
เวียดนาม อินเวสเมนต์ รีวิว เว็บไซต์ข่าวของรัฐบาลเวียดนาม รายงานว่า จนถึงขณะนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 80,000 คน ที่เดินทางเข้ามายังเวียดนาม เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาทางการแพทย์ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สร้างรายได้ให้กับเวียดนามรวมแล้วมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังหนุนให้ภาคการแพทย์เวียดนาม มีอัตราการเติบโตราว 18-20% ในทุกๆ ปี
ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ เดซาน ชิรา แอนด์ แอสโซซิเอท ระบุว่า ปี 2560 เพียงปีเดียว การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในเวียดนามมีรายได้มากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ และเวียดนามกำลังผงาดขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของหลายประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่า ในปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจนี้ทำเงินให้ประเทศประมาณ 26,000 ล้านบาท หรือ 860 ล้านดอลลาร์ มากกว่าปีก่อน 14% ในขณะที่การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในสิงคโปร์เติบโตปีละ 10% และทำเงินไป 737 ล้านดอลลาร์ ในปี 2560
ผลการศึกษาของบริษัทไซออน มาร์เก็ต รีเสิร์ช ยังพบว่า ประมาณหนึ่งในสามของรายได้ของโรงพยาบาลเอกชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาจากการท่องเที่ยว
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเวียดนามเพิ่มขึ้นสามเท่าจาก 5 ล้านเป็น 15 ล้านคนในช่วง 8 ปี ระหว่างปี 2553-2561 ซึ่งทางการเวียดนามมองว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เพื่อรับการรักษา หรือเพื่อสุขภาพรวมอยู่ในนี้ด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวจากจีน และเกาหลีใต้ เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
เอสเอสไอ อินสติติวชันแนล โบรกเกอเรจ ยังชี้ว่า ค่ารักษาพยาบาลของเวียดนาม ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย และสิงคโปร์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น และกลุ่มใหญ่ที่สุดเข้ามาเพื่อทำศัลยกรรมความงาม
ส่วนรายงานของบริษัทวิจัย อินโฟกัส แม่โขง รีเสิร์ช ระบุว่า นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียพากันเดินทางเข้ามายังเวียดนามเพื่อรักษาฟัน เพราะค่ารักษามีราคาถูก คิดเป็นเพียง 10% ของค่ารักษาในทวีปอเมริกาเหนือ ในขณะที่คุณภาพการให้บริการก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เพราะมีทันตแพทย์ที่เรียนจบจากต่างประเทศกลับมาทำงานในเวียดนาม
ส่วนศัลยกรรมความงามดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เป็นพิเศษ และเวียดนามยังมีหมอชาวเกาหลีใต้ เข้ามาทำงานเป็นศัลยแพทย์ในประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ รีสอร์ทตามเมืองชายฝั่งทะเล เช่นฝูก๊วก และดานัง พยายามจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ที่พักเหมาะสมกับนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยชาวต่างชาติบางคนพบกับประสบการณ์การรักษาพยาบาลที่ไม่น่าพึงใจนัก บางคนอ้างว่าเจอชิ้นส่วนแปลกปลอม หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดขา แต่เป็นเรื่องยากที่จะชนะคดีฟ้องร้องเอาผิดสถานพยาบาล นักท่องเที่ยวบางคนจึงยอมเสียเงินมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มความสบาย เพราะถึงจะชำระมากขึ้น ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมดก็ยังถูกกว่าค่าบริการในประเทศอื่น ๆ อยู่ดี
แต่หากเทียบกันแล้ว สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย ยังมีชื่อเสียงการให้บริการด้านการแพทย์ที่ดีกว่า ทั้งไทยยังเป็นประเทศที่ชาวต่างชาติเดินทางมารับการรักษาครบวงจร ตั้งแต่ตรวจสุขภาพชุดใหญ่ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจที่สลับซับซ้อน
ที่มา : VOA
