รัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย ประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง หลังเผชิญวิกฤติไฟป่าที่โหมรุนแรงอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลว่า คลื่นความร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิในประเทศพุ่งทำลายสถิติอย่างต่อเนื่องนั้น จะยิ่งทำให้สถานการณ์ไฟป่าเลวร้ายมากขึ้น
หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 ธ.ค.) ออสเตรเลียเจอกับวันที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศ สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 40.9 องศาเซลเซียสไปแล้ว เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.) อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศ ก็พุ่งขึ้นมาทำสถิติสูงสุดรอบใหม่อีกครั้งที่ 41.9 องศาเซลเซียส ผลจากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศ
อุณหภูมิที่สูงขึ้นดังกล่าว ยังทำให้สถานการณ์ไฟป่า ในรัฐนิวเซาท์เวลส์รุนแรงมากขึ้น จนทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉินรอบใหม่ เพื่อรับมือกับไฟที่ลุกโหมขึ้นมาอีกครั้ง
เกลดีส์ เบเรจิเคลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 7 วัน ท่ามกลางการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่จะเลวร้ายลงต่อเนื่อง
“ความกังวลใหญ่สุดของเราสำหรับในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ คือ ภาวะที่คาดการณ์ไม่ได้ ทั้งจากลมกระโชกที่มีความรุนแรงอย่างมาก และอุณหภูมิที่พุ่งสูงอย่างมากเช่นกัน ”
พื้นที่บางส่วนของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่มีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอกนี้ มีอุณหภูมิในวันนี้ (19 ธ.ค.) สูงเกินกว่า 40 องศาเซลเซียส และคาดว่าตลอดทั้งสัปดาห์นี้ อุณหภูมิจะอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
Australia has declared a state of emergency in New South Wales as strong winds fan around 100 bushfires across the state.
Around 2,000 firefighters are battling the blazes, many of which are still uncontrolled.
Read the full story here: https://t.co/m5IXnoIeNa pic.twitter.com/rQnL7wZjqg
— Sky News (@SkyNews) December 19, 2019
การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนที่แล้ว จะทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีอำนาจเพิ่มขึ้นในการรับมือกับวิกฤติไฟป่าที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ออสเตรเลียต้องเผชิญกับไฟป่ายืดเยื้อมานานหลายเดือนแล้ว และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย ทำลายบ้านเรือนไปหลายร้อยหลัง และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรหลายล้านไร่