สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า “เทนเซ็นต์”ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตจีน กำลังตกอยู่ในภาวะซบเซา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (14 พ.ย.) ราคาหุ้นเทนเซ็นต์ ในฮ่องกงร่วงลงมา 2.3% กลายเป็นบริษัทที่มีราคาหุ้นย่ำแย่สุดของดัชนีฮั่งเส็งในวันดังกล่าว และยังเป็นวันที่ราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงมากสุดในวันเดียวครั้งรุนแรงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักลงทุนพากันผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบริษัท โดยเทนเซ็นต์ เจ้าของแอปพลิเคชันชื่อดัง “วีแชท” ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านั้นหนึ่งวันว่า กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 3 ดิ่งลงถึง 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายได้เกมพีซี และค่าโฆษณาที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์มวีดิโอสตรีมมิง
ผลประกอบการที่ค่อนข้างย่ำแย่ของเทนเซ็นต์ เน้นให้เห็นถึง ความแตกต่างอย่างมากระหว่าง 2 บริษัทเทคโนโลยีจีน ที่มีมูลค่ามากสุด โดยการเปิดเผยรายได้ที่น่าผิดหวังของเทนเซ็นต์ เกิดขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่คู่แข่งอย่าง “อาลีบาบา” แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานอันสดใส
ในวันจันทร์ (11 พ.ย.) อาลีบาบาสามารถทำลายสถิติยอดขาย “วันคนโสด” เทศกาลชอปปิงประจำปีได้อีกครั้ง หลังจากนั้น 2 วัน ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซรายนี้ ก็ยืนยันถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นตลาดที่ 2 โดยตั้งเป้าว่าจะระดมทุนได้มากถึง 13,400 ล้านดอลลาร์ ผ่านการทำไอพีโอที่มีแนวโน้มว่า จะมีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในปีนี้
แน่นอนว่า ทั้ง 2 บริษัทมีธุรกิจพื้นฐานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยธุรกิจหลักของอาลีบาบา คือ อีคอมเมิร์ซ ส่วน เทนเซ็นต์มีธุรกิจหลักอยู่ที่ วีแชท แอปพลิเคชันสุดล้ำ ที่สามารถใช้งานได้เกือบทุกอย่างไล่ตั้งแต่โซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการชำระเงินดิจิทัล ทั้งยังเป็นเจ้าของธุรกิจเกมขนาดใหญ่ ที่รวมถึงเกมยอดนิยมอย่าง “PlayerUnknown’s Battlegrounds” (PUBG) และ “Call of Duty: Mobile.”
นักวิเคราะห์ด้านอินเทอร์เน็ต จากเบิร์นสไตน์ ชี้ว่า ทั้ง 2 บริษัทมีประวัติถึงการทำผลประกอบการที่สูสีกันมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทมีรายได้ และทุนจดทะเบียนในตลาดในระดับที่คล้ายคลึงกัน และทั้งคู่มีอัตราการเติบโตรายปีที่ราว 30%
แต่ราคาหุ้นของอาลีบาบาในปีนี้ กลับมีผลงานที่ดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ทะยานขึ้นมาแล้วถึง 33% เทียบกับเทนเซ็นต์ที่ขยับขึ้นเพียง 3% ทั้งราคาหุ้นอาลีบาบา ยังดีกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐถึง 15% ส่วนเทนเซ็นต์นั้น ดีกว่าหุ้นที่ซื้อขายในดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง เพียง 1% เท่านั้น
ช่วงต้นปี 2562 เบิร์นสไตน์ ยังคาดการณ์ว่า รายได้ของเทนเซ็นต์จะขยายตัวช้ากว่าอาลีบาบา ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพราะบริษัทมีธุรกิจที่กระจายออกไปในหลายด้าน และแต่ละด้านก็มีอัตราการเติบโตในระดับที่แตกต่างกันออกไป
“อาลีบาบาเติบโตดีกว่า เพราะธุรกิจหลักยังแข็งแกร่งอยู่” เบิร์นสไตน์ ระบุ
แม้ธุรกิจเกมออนไลน์ และเกมบนสมาร์ทโฟนของเทนเซ็นต์ ซึ่งเป็นบริษัทเกมรายใหญ่สุดของโลก จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการกวาดล้างเกมออนไลน์ของรัฐบาลจีนเมื่อปีที่แล้ว แต่นักลงทุนยังคงกังวลถึงอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งนักวิเคราะห์จากเจฟเฟอรีส์ ระบุไว้ในบทวิเคราะห์ว่า หากเกิดความล้มเหลวในการเปิดตัวเกมใหม่ไม่ว่าจะเป็นเกมใดก็ตาม ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มการดำเนินงานของบริษัท
ที่มา : CNN
