เวียดนามกำลังพยายามอย่างหนัก ที่จะควบคุมการฉ้อโกงในสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐ หลังบรรดาผู้ผลิตหาทางเลี่ยงการโดนภาษีทุ่มตลาดจากการทำสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ด้วยการแอบติดป้าย “เมด อิน เวียดนาม” (Made in Vietnam)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาผู้ส่งออกพากันย้ายฐานการผลิตจากจีน มายังเวียดนาม เพื่อเลี่ยงการโดนจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง ที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดจัดเก็บต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นถึงการที่ผู้ผลิตจำนวนหนึ่ง พากันแอบอ้างว่าสินค้าของตัวเองผลิตในเวียดนาม ทั้งที่มีต้นกำเนิดแท้จริงมาจากจีน ซึ่งทางการเวียดนามได้ให้คำมั่นถึงการกวาดล้างเรื่องนี้ ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ และกำหนดบทลงโทษรุนแรงขึ้น
เจ้าหน้าที่ศุลกากรในกรุงฮานอยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า พวกเขายังขาดทรัพยากรที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างเหมาะสม และดำเนินการตรวจสอบใบสำแดงการนำเข้า และส่งออกได้เพียง 5% เท่านั้น
“เราตรวจสินค้าทั้งหมดไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบก็ต่อเมื่อตรวจพบความเสี่ยง หรือมีสัญญาณถึงการละเมิด” โอ อันห์ ตวรน ผู้อำนวยการควบคุมศุลกากร และการตรวจสอบ กรมศุลกากรเวียดนาม ระบุ
นอกจากจะมีการติดป้ายปลอมสินค้ามาตั้งแต่โรงงานผลิตต้นทางแล้ว ยังมีกรณีที่สินค้าถูกนำไปติดป้ายเมด อิน เวียดนาม หลังจากที่สินค้าผ่านด่านศุลกากรไปแล้ว ทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นที่จะชี้ถึงความเสี่ยง
ขณะที่ทอม เจซูเคอวิช ผู้อำนวยการภาคสนาม สำนักงานปกป้องชายแดน และศุลกากรสหรัฐ ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐตรวจพบสินค้าที่ปลอมแปลงว่าผลิตจากเวียดนามเป็นจำนวนมาก แต่ปฏิเสธที่จะให้ตัวเลขชัดเจน
อย่างไรก็ดี เขาชี้ว่า ผลิตภัณฑ์โลหะ และไม้อัดเป็นภาคการผลิตที่มีปัญหา ซึ่งมองเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และฉับไว
ทางด้านมาย ซวน ถั่นห์ รองอธิบดีกรมศุลกากรเวียดนาม ชี้ว่า ภาคธุรกิจใดก็ตาม ที่มีการเติบโตมากกว่า 15% จะถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงทั้งนั้น และว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
