เหตุการณ์สู้รบระลอกใหม่ในซีเรีย กำลังทำให้มีความกังวลขึ้นว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่รวมตัวกันขึ้นมาใหม่ในซีเรีย และอิรัก จะกระจายตัวออกจากทะเลทรายในตะวันออกกลาง เพื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่ป่าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การที่ตุรกีเข้าปราบปรามกลุ่มกบฎเคิร์ดในซีเรียนั้น กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่จะทำให้สมาชิกไอเอสราว 750 คน ซึ่งมีที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิสระ ในจำนวนนี้รวมถึงชาวอินโดนีเซียราว 700 คน และมาเลเซียอีก 50 คน เช่นเดียวกับบรรดาญาติพี่น้องลูกหลาน ที่มีแนวโน้มว่าจะมีแนวคิดหัวรุนแรงเช่นกัน
ข้อมูลจากกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนในซีเรีย แสดงให้เห็นว่า จนถึงขณะนี้ มีนักรบไอเอสสามารถหลบหนีออกจากที่คุมขังได้แล้วราว 100 คน ท่ามกลางการรายงานถึงการก่อจลาจล และแหกคุกหลายครั้ง ในเรือนจำต่างๆ ของกลุ่มเคิร์ด
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง ฟิลิปปินส์ ประเทศที่มีกลุ่มนักรบอิสลามที่มีความเกี่ยวข้องกับไอเอสในระดับต่างๆ จำนวนหนึ่ง ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังถึงความเป็นไปได้กลุ่มนักรบอิสลามสุดโต่ง ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ
นับตั้งแต่ปีที่แล้ว สมาชิกไอเอสที่เดินทางกลับเข้ามาในภูมิภาคนี้ ได้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพหลายครั้งทั่วฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นโบสถ์ และชุมชนชาวคริสต์ ในความพยายามที่จะปลูกฝั่งความเชื่อทางศาสนาที่สุดโต่ง
ความพยายามที่จะลอบสังหารวิรันโต รัฐมนตรีความมั่นคงอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการแทงเข้าบริเวณช่วงท้อง จนทำให้อดีตนายพลรายนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ยังเป็นการลงมือที่มีกลุ่มไอเอสอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ สมาชิกไอเอสชาวอินโดนีเซีย ยังเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายหลายครั้งในฟิลิปปินส์ รวมถึง เหตุระเบิดพลีชีพที่โบสถ์ในเมืองโจโล ช่วงต้นปีนี้
เอเชีย ไทมส์ รายงานว่า นับตั้งแต่ทศวรรษ 80 เป็นต้นมา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นแนวรบที่ 2 ของกลุ่มญิฮัด ที่หาทางโจมตีเป้าหมายตะวันตก และจัดตั้งฐานที่มั่นนอกพื้นที่ตะวันออกกลาง
ในขณะที่กลุ่มก่อร้ายอย่างอัลกออิดะห์ เคยตั้งค่ายฝึกอบรมทั่วทั้งภูมิภาคนี้ กลุ่มไอเอสก็ประกาศความตั้งใจของตัวเองที่จะตั้ง “วิลายัท” หรือจังหวัด ขึ้นในเอเชียตะวันออก
การที่สหรัฐละทิ้งกองกำลังเคิร์ท ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรสำคัญ และมีบทบาทหลักที่ทำให้กองกำลังผสม ได้รับชัยชนะเหนือไอเอสช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดทางให้ตุรกีบุกเข้าไปโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ด ในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรีย ยังทำให้เกิดข้อสงสัยตามมาถึงความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยออกมาเตือนว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่สมาชิกไอเอสรวมตัวกัน โดยการที่กองทัพตุรกีบุกรุกเข้าไป ทำให้ชาวเคิร์ดต้องละทิ้งฐานที่มั่นของตนเอง และทำให้สมาชิกไอเอส ที่ถูกควบคุมตัวในพื้นที่เหล่านี้ สามารถหลบหนีออกมาได้ ซึ่งเขาเองก็ไม่มั่นใจว่า กองทัพตุรกีจะสามารถควบคุมสมาชิกไอเอสเหล่านี้ได้หรือไม่
รายงานข่าวระบุว่า ผู้นำสหรัฐได้บอกปัดความกังวลในเรื่องนี้ โดยอ้างว่า สมาชิกไอเอสที่เป็นอันตรายอย่างมากนั้น ถูกย้ายไปควบคุมตัวในพื้นที่อื่น ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นก็กำลังหลบหนีเข้าไปในยุโรป
ขณะที่ อายอบ ข่าน มายดิน พิทเชย์ ผู้บัญชาการตำรวจหน่วยต่อต้านก่อการร้ายของกรมตำรวจมาเลเซีย เตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่สมาชิกไอเอสจะหลบหนีออกจากที่คุมขังในซีเรีย และเดินทางไปยังประเทศที่ 3 หรือเดินทางกลับมายังมาเลเซีย ซึ่งถ้าเป็นในกรณีหลังนี้ ก็มีแนวโน้มสูงที่คนเหล่านี้จะมาหาสมาชิกใหม่ และปฏิบัติการโจมตีพื้นที่ต่างๆ ขึ้นมา
เขาบอกด้วยว่า ในจำนวนชาวมาเลเซีย 65 คน ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรียนั้น มีคนที่เป็นสมาชิกไอเอส และอยู่ในเรือนจำ 11 คน และมีมากถึง 40 คนที่แสดงความสนใจที่จะเดินทางกลับมายังบ้านเกิด ซึ่งจนถึงขณะนี้มีชาวมาเลเซีย 11 คนที่เดินทางกลับมาจากซีเรียแล้ว และมีอยู่ 8 คนที่ถูกตัดสิน หรืออยู่ระหว่างการไต่สวนในข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับก่อการร้าย
“เหตุการณ์สู้รบล่าสุด กำลังทำให้เราต้องเจอกับความยากลำบากมากขึ้นในการรับตัวพลเมืองของเรากลับมา” อายอบ ระบุ
ผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆ เตือนด้วยว่า กลุ่มก่อการร้ายอาจจะพยายามดำเนินการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหม่ ที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ถ้าหากครอบครัวของนักรบไอเอส ตกเป็นเป้าหมายของเหตุการณ์รุนแรงในซีเรีย
ที่มา : Asia Times