World News

นักลงทุนหันลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย ฉุดหุ้นสหรัฐร่วง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายเช้าวันนี้ (7 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นปรับลงมา จากการที่นักลงทุนพากันหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย มากกว่าการเข้าซื้อหุ้น ที่มีความเสี่ยงมากกว่า ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ยังอยู่ในระดับสูง

wew

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ลดลง 354.29 หรือ 1.36% มาอยู่ที่ 25,675.23 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับลง 29.51 จุด หรือ 1.02% มาอยู่ที่ 2,852.26 จุด และดัชนีแนสแด็กลดลง 55.62 จุด หรือ 0.71% ที่ 7,777.65 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งประเภทอายุ 10 ปี และ 30 ปีต่างก็ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2559 ในวันนี้ โดยการร่วงลงดังกล่าว ยังสะท้อนให้เห็นถึงกระแสคาดการณ์ที่มากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ภายในปีนี้ และน่าจะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนนี้

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ก็ทวีตข้อความ เรียกร้องให้เฟด เร่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ตามทันธนาคารกลางแห่งอื่นๆทั่วโลก

“พวกเขาต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้มากกว่านี้ และเร็วกว่านี้ และยุติมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณเดี๋ยวนี้ เราไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ปัญหาของเราไม่ใช่จีน แต่เป็นเฟดที่เย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับความผิดพลาดของพวกเขาในการใช้มาตรการคุมเข้มเร็วเกินไป และมากเกินไป ซึ่งในวันนี้ มีธนาคารกลางอีก 3 แห่งที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นถ้าเฟดมีความเข้าใจว่าเรากำลังแข่งขันกับประเทศอื่น” ทรัมป์ระบุ

ท่าทีดังกล่าวของทรัมป์มีขึ้นหลังธนาคารกลางหลายประเทศ เช่น อินเดีย นิวซีแลนด์ และไทย พากันปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ของสหรัฐ

หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

Avatar photo