World News

‘แอมเนสตี้’ ร้องยูเอ็น ตรวจสอบ ‘ฆ่าอย่างเป็นระบบ’ สงครามยาเสพติดฟิลิปปินส์

องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องคณะข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ตั้งคณะทำงานอิสระ สอบสวน ‘สงครามยาเสพติด’ ฟิลิปปินส์ ที่ทำให้มีผู้โดนสังหารหลายพันคน ระบุ นโยบายกวาดล้างยาเสพติดของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต้ กลายเป็นการล่วงละเมิด “อย่างเป็นระบบ”

456

การทำสงครามยาเสพติด เป็นนโยบายที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีดูเตอร์เต้มาตั้งแต่เริ่มแรก และชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากก็ให้การสนับสนุนเรื่องนี้ แต่การที่ตำรวจสังหารผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก โดยเฉพาะการสังหารในช่วงกลางคืน เรียกเสียงประณามอย่างมากจากนานาประเทศ

ในรายงานฉบับที่ 2 เกี่ยวกับการกวาดล้างที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา แอมเนสตี้ระบุว่า เป้าหมายการกวาดล้าง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นคนจน ถูกระบุตัวจากรายชื่อจับตามองยาเสพติด และเป็นการจัดทำรายชื่อโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ผู้ที่เจอตำรวจกดดันให้หารายชื่อผู้ต้องสงสัยมาให้อย่างต่อเนื่อง

“ที่แย่ไปกว่านั้น ก็คือ บุคคลที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อจับตามอง จะมีชื่อติดอยู่ในบัญชีดัวกล่าวไปตลอด โดยไม่มีทางว่าจะได้ถอดชื่อออก ต่อให้พวกเขาเข้ารับการบำบัด หรือหยุดการใช้ยาแล้วก็ตาม”

แอมเนสตี้บอกด้วยว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่า มีผู้คนมากน้อยเท่าใด ที่ถูกสังหารไปกับนโยบายนี้ พร้อมกล่าวหารัฐบาลมะนิลาว่า สร้างความสับสน และให้ข้อมูลผิดๆ จนทำให้ญาติของเหยื่อรู้สึกไร้ความช่วยเหลือ

ตัวเลขผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจวิสามัญอย่างเป็นทางการอยู่ที่มากกว่า 5,300 คน แต่กลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านั้นถึง 4 เท่า

123 2

รายงานฉบับนี้ยังชี้ว่า  สื่อหมดความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการวิสามัญของตำรวจ ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ล้มเหลวในการสอบสวน หรือจัดหาโครงการบำบัดผู้ติดยาอย่างเหมาะสม

“สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดผลกระทบ ที่สร้างความรู้สึกว่าจะไม่โดนลงโทษอะไรขึ้นมา ที่ตำรวจ และคนอื่นๆ สามารถสังหารใครก็ได้ โดยไม่ต้องเจอกับบทลงโทษ”

แอมเนสตี้ อ้างด้วยว่า มีหลักฐานมากพอที่จะสรุปได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยระบุว่า ได้ทำการสืบสวนการเสียชีวิตของเหยื่อ 27 ราย ในช่วงปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดบูลากัน ใกล้กับกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า ทุ่งสังหารที่นองเลือดสุดของประเทศ  โดยพบว่า ตำรวจมักพังประตูเข้าไปก่อนที่จะยิงผู้ต้องสงสัยในคดียาเสพติดภายในห้อง  หรือจับตัวไปฆ่าที่อื่น ทั้งยังมีการเขียนรายงานปลอม สร้างหลักฐานขึ้นมา และขโมยสิ่งของของเหยื่อไป

Avatar photo