กันตาร์ บริษัทวิจัยในเครือดับเบิลยูพีพี เปิดเผยผลการจัดอันดับ แบรนด์แซด แบรนด์โลกที่มีมูลค่าสูงสุด 100 แบรนด์ ประจำปี 2562 พบ “อเมซอน อิงค์” ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ แซงหน้า “กูเกิล” และ “แอปเปิ้ล” 2 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก ขึ้นเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลกที่ 315,500 ล้านดอลลาร์ หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 52%
อันดับ 2 ตกเป็นของแอปเปิ้ล ด้วยมูลค่า 309,500 ล้านดอลลาร์ มีมุลค่าเพิ่มขึ้นมา 3% ตามด้วยกูเกิล ในอันดับ 3 ที่ 309,000 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 2%
ขณะที่ไมโครซอฟท์ ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 4 ของการจัดอันดับครั้งนี้ ด้วยมูลค่า 251,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 25% กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากสุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่ม 10 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก ตามด้วยวีซ่า ในอันดับ 5 เพิ่มขึ้น 22% มาอยู่ที่ 178,000 ล้านดอลลาร์ และอาลีบาบา ในอันดับ 7 เพิ่มขึ้น 16% ที่ 131,000 ล้านดอลลาร์
โดรีน หวัง ประธานแบรนด์แซด ระบุว่า มูลค่าที่พุ่งขึ้นของอเมซอน เป็นผลมาจากที่ยักษ์อีคอมเมิร์ซรายนี้ ขายบริการหลากหลายประเภท ซึ่งปรากฎการณ์การเติบโตในมูลค่าของแบรนด์อเมซอน ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 108,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว เน้นให้เห็นว่า แบรนด์ต่างๆ ยึดติดกับภาคธุรกิจ และภูมิภาคแบบเดี่ยวๆ น้อยลง ซึ่งเส้นแบ่งเขตแดนที่เลือนลางลง จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เปิดทางให้แบรนด์ต่างๆ อย่าง อเมซอน กูเกิล และอาลีบาบา สามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย
ทางด้านเกรแฮม สเตเปิลเฮิร์สท์ ผู้อำนวยการกลยุทธ์โลกแบรนด์แซด กล่าวว่า แบรนด์อเมซอน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่บริษัทปรับเปลี่ยนตัวเองจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ มาเป็นแบรนด์ที่มีความหลากหลาย ประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงคุณค่า และเชื่อมโยงแบรนด์ในเชิงบวกจากธุรกิจเดียวได้
ใน 10 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดนั้น เฟซบุ๊ก ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งติดอยู่ในอันดับ 6 และเทนเซ็นต์ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เป็นเพียง 2 บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์ลดลงในปีนี้ที่ผ่านมา โดยเฟซบุ๊กลดลง 2% มาอยู่ที่ 158,968 ล้านดอลลาร์ และเทนเซ็นต์ลดลง 27% มาอยู่ที่ 130,862 ล้านดอลลาร์
โดยรวมแล้ว 100 แบรนด์ที่ติดการจัดอันดับครั้งนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพิ่มร่วม 328,000 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นมูลค่าของจีดีพีสเปน เกาหลีใต้ และรัสเซีย รวมกัน
นอกจากนี้ ยังมีอัตราการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 7% เกือบ 2 เท่าของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แม้สงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ตาม โดยการเติบโตดังกล่าว ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค ที่ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
