ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน “อาลีบาบา” ผงาดขึ้นครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับ 100 แบรนด์จีนที่มีค่ามากสุด ประจำปี 2562 ของแบรนด์แซด ด้วยมูลค่าบริษัทที่มีเพิ่มขึ้นถึง 59% ต่อปี มาอยู่ที่ 141,000 ล้านดอลลาร์
ครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรก ที่อาลีบาบาครองตำแหน่งแบรนด์มีค่ามากสุดของประเทศ
แบรนด์แซด แพลตฟอร์มการสร้างแบรนด์ที่มีขนาดใหญ่สุด และน่าเชื่อถือมากสุดรายหนึ่งของโลก ซึ่งสร้างขึ้นมาโดยดับเบิลยูพีพี กรุ๊ป และกันตาร์ เผยรายงานการจัดอันดับแบรนด์จีนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าแบรนด์ของอาลีบาบา ในดัชนี 100 แบรนด์จีน ของแบรนด์แซด เติบโตขึ้นถึง 136% แซงหน้าการเติบโตโดยรวมของทั้ง 100 แบรนด์ในดัชนี ที่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 92%
“นับแต่เข้ามาอยู่ในการจัดอันดับเมื่อปี 2558 หลังการทำไอพีโอของบริษัท การทะยานขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ในปี 2562 ของอาลีบาบา สะท้อนถึงการเติบโตของแบรนด์ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของตลาดจีน” รายงานระบุ
อันดับ 2 ของการจัดอันดับในปีนี้ ตกเป็นของ “เทนเซ็นต์”กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 138,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่ย้กษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีรายอื่นๆ อาทิ หัวเว่ย ไป่ตู้ และเจดี ล้วนติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดของจีน
เดวิด รอธ ซีอีโอดับเบิลยูพีพี โกลบอล รีเทล บิสซิเนส กล่าวว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงกดดันที่เป็นบททดสอบอย่างแท้จริงต่อแบรนด์เหล่านี้ ซึ่งยังคงมีผลประกอบการที่ดีต่อตลาด และให้ผลตอบแทนอย่างยอดเยี่ยมต่อผู้ถือหุ้น
10 แบรนด์มูลค่าสูงสุด
- อาลีบาบา
มูลค่า 140,953 ล้านดอลลาร์ - เทนเซ็นต์
มูลค่า 138,158 ล้านดอลลาร์ - ไอซีบีซี
มูลค่า 40,725 ล้านดอลลาร์ - ไชน่า โมบายล์
มูลค่า 39,103 ล้านดอลลาร์ - เหมาไต๋
มูลค่า 36,555 ล้านดอลลาร์ - หัวเว่ย
มูลค่า 33,167 ล้านดอลลาร์ - ผิงอัน
มูลค่า 26,967 ล้านดอลลาร์ - ไป่ตู้
มูลค่า 26,710 ล้านดอลลาร์ - ไชน่า คอนสตรัคชัน แบงก์
มูลค่า 22,841 ล้านดอลลาร์ - เจดี
มูลค่า 21,183 ล้านดอลลาร์