อินเดียสั่งอพยพประชาชนตามชายฝั่งตะวันออกของประเทศเกือบ 800,000 คน หนีพายุไซโคลนฟานิ ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) ใกล้กับเมืองปูริ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบรรเทาทุกข์ของอินเดีย เปิดเผยว่า ทางการได้อพยพประชาชนไปแล้ว 780,000 คน และกำลังอพยพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากอย่างน้อย 13 เขตในรัฐโอฑิศา หรือชื่อเดิมว่ารัฐโอริสสา ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนฟานิมากสุด
กรมอุตุนิยมวิทยา อินเดีย รายงานล่าสุดว่า ไซโคลนฟานิ ที่รายงานข่าวระบุว่า จะเป็นพายุลูกใหญ่สุดที่ขึ้นฝั่งอินเดียตะวันออกในรอบเกือบ 20 ปี ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลแล้วในวันนี้(2 พ.ค.) โดยอยู่ห่างจากฝั่งราว 450 กิโลเมตร และเคลื่อนตัวมุ่งหน้าทางตะวันตก โดยคาดว่า พายุจะมีกำลังลมความเร็วคงที่ที่ราว 180-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเพิ่มความแรงสูงสุดราว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่ากับความรุนแรงของพายุเฮอริเคนระดับ 3-4 และจะเป็นพายุไซโคลนลูกที่ 4 ที่ขึ้นฝั่งตะวันออกของอินเดียในช่วง 3 ทศวรรษ
ทางการอินเดียเตือนด้วยว่า ความเร็วลมขอองพายุลูกนี้ อาจขุดรากถอนโคนต้นไม้ ทำลายเรือกสวนไร่นา สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึง ทำให้เกิดไฟดับ และการสื่อสารถูกตัดขาด นอกเหนือจากน้ำท่วมในเขตพื้นที่ราบลุ่ม
นอกจากที่รัฐโอฑิสาแล้ว รัฐที่อยู่ติดกันอย่าง อันตรประเทศ และทมิฬนาฑู ก็ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับพายุลูกนี้ด้วย
ทั้งนี้ พื้นที่แถบภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย มักเจอกับพายุเข้าเป็นประจำในช่วงระหว่างเดือนเมษายน -ธันวาคม โดยเมื่อปี 2560 ไซโคลนออกคี ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตเกือบ 250 คน และสูญหายอีกมากกว่า 600 คนในรัฐทมิฬนาฑู และเกรละ
