2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “คามาลา แฮร์ริส” ประชันวิสัยทัศน์อย่างดุเดือด บนเวทีดีเบต ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ โดยมีเดวิด เมียร์ และลินด์ซีย์ เดวิส เป็นผู้ดำเนินรายการ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การโต้วาทีระหว่างนางแฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และนายทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ตัวแทนจากฝั่งรีพับลิกัน ใช้เวลาประมาณ 90 นาที รวมถึงการให้เวลาฝ่ายละ 2 นาที ในการแถลงปิดท้าย โดยทั้งคู่ถกเถียงกันในหลายประเด็น ไล่ตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงสงครามในยูเครน และตะวันออกกลาง
นางแฮร์ริสเปิดฉากการดีเบตด้วยการกล่าวว่า เธอได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคน รวมถึงผู้ที่เคยทำงานกับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช รวมทั้งนายมิตต์ รอมนีย์ และนายจอห์น แมคเคน 2 อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน
“ถ้าคุณต้องการรู้เรื่องวงในจริง ๆ ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ผู้นี้เป็นอย่างไร คุณแค่ถามคนที่เคยทำงานกับเขา อดีตหัวหน้าคณะทำงานของเขาบอกว่า เขามีพฤติกรรมดูหมิ่นรัฐธรรมนูญของสหรัฐ”
เธอยังอ้างว่า อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของนายทรัมป์ เคยกล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ เป็นบุคคลอันตราย และไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเขายังได้กล่าวว่า สหรัฐจะไม่มีทางอยู่รอดได้หากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย
ขณะที่นายทรัมป์โต้กลับว่า ตัวเขาแตกต่างจากคนอื่น เขาไล่คนส่วนใหญ่เหล่านั้นออกไป เพราะทำสิ่งที่ไม่ดี หรือไม่ก็ทำงานไม่ดี จึงต้องไล่พวกเขาออก
ใน นโยบายทางเศรษฐกิจ นางแฮร์ริส กล่าวถึงนโยบายการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ขณะที่นายทรัมป์แสดงความพร้อมที่จะสานต่อนโยบายภาษีศุลกากรสินค้านำเข้า
ส่วนในประเด็นเกี่ยวกับ สิทธิในการทำแท้ง นายทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้รัฐต่าง ๆ มีอำนาจในการตัดสินใจในประเด็นนี้ ส่วนตัวแล้วเขาสนับสนุนการทำแท้งในกรณีที่มีการตั้งครรภ์จากการข่มขืน และการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง ส่วนนางแฮร์ริสกล่าวย้ำถึงสิทธิในการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย
ประเด็นเกี่ยวกับ ผู้อพยพ และการย้ายถิ่นฐาน นางแฮร์ริส กล่าวโทษว่า เป็นความผิดของนายทรัมป์ที่ทำให้ปัญหาชายแดนมีความรุนแรง เพราะเขาพยายามที่จะขัดขวางกฎหมายความปลอดภัยชายแดน ที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค
นางแฮร์ริส กล่าวด้วยว่า พันธมิตรนาโตรู้สึกขอบคุณที่นายทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะเขาอาจสนับสนุนรัสเซียยึดครองยูเครน ส่วนนายทรัมป์ ก็ตอบโต้นางแฮร์ริสว่าเป็นรองประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และเธอไม่สามารถป้องกันสงครามได้
เมื่อนางแฮร์ริส วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเจรจากับกลุ่มตาลีบันที่แคมป์เดวิด นายทรัมป์ก็ตอบกลับว่า เป็นเพราะกลุ่มตาลีบันคือผู้ก่อเหตุสังหาร และย้ำว่า การทำข้อตกลงที่นำไปสู่การถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานคือข้อตกลงที่ดี แต่รัฐบาลของนายไบเดนกลับทำทุกอย่างพัง
ในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส นายทรัมป์ย้ำสิ่งที่สื่อสารมาตั้งแต่การโต้วาทีกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าหากเขาเป็นผู้นำ จะไม่มีสงครามอิสราเอล-ฮามาส และ สงครามรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่แรก และกล่าวหาว่า นางแฮร์ริสเกลียดอิสราเอล และชาวอาหรับ
ส่วนนางแฮร์ริส กล่าวว่าต้องมีการหยุดยิงเพื่อยุติสงคราม เพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน จากนั้นจะมีการทำงานต่อเนื่อง พร้อมการทำงานตามนโยบายสองรัฐ และยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง
นางแฮร์ริส ยังกล่าวปกป้องการที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนแปลงจุดยืนนโยบายเรื่องการลงทุนในแหล่งพลังงานที่หลากหลาย โดยระบุว่า มีความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องเพิ่มการผลิตน้ำมันภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ
ส่วนนายทรัมป์ ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาแพ้การเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งผู้ดำเนินรายการ บอกว่า เขาเคยพูดว่า เขาแพ้การเลือกตั้งไปแบบเฉียดฉิว แต่นายทรัมป์ บอกว่า เขาประชดเท่านั้น
ในการแถลงปิดท้าย ที่แต่ละคนมีเวลา 2 นาที นางแฮร์ริส กล่าวว่า เธอต้องการสร้างเศรษฐกิจที่ดีสำหรับชาวอเมริกัน รักษาสถานะของอเมริกาบนเวทีโลก สร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ปกป้องสิทธิของพลเมือง รวมทั้งสิทธิของสตรีเหนือร่างกายตนเอง
ส่วนนายทรัมป์ ระบุว่า นางแฮร์ริส อยู่ในอำนาจมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีการทำงานใดที่บรรลุเป้าหมาย
“เธอบอกว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนที่มีอำนาจ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลว ถูกประเทศอื่นหัวเราะเยาะ เกิดสงครามขึ้นในยูเครน และตะวันออกกลาง ถดถอยด้านการทหาร พ่ายแพ้ในอัฟกานิสถาน และปล่อยให้อาชญากรจำนวนมากทะลักเข้าในประเทศภายใต้รัฐบาลที่เลวร้ายที่สุด และเธอควรลงจากอำนาจได้แล้ว”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โพลชี้ ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ คะแนนสูสี ก่อนดีเบต 10 ก.ย.
- โพลชี้ ‘คามาลา แฮร์ริส’ ทำคะแนนจี้ ‘ทรัมป์’ ในประเด็นเศรษฐกิจ-อาชญากรรม
- โพลล่าสุด ชี้ ‘แฮร์ริส’ คะแนนแซง ‘ทรัมป์’ 51%-48% แต่ยังแพ้บางนโยบาย
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg