สภาทองคำโลกคาดการณ์แนวโน้มทองคำ จากทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และปัจจัยทางเศรษฐกิจ ระบุ ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนดีสุดในปี 2567
สภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มของทองคำ ตามกรอบแนวทางการประเมินมูลค่าของ QaurumSM และสภาทองคำโลก โดยระบุว่า หากทิศทางเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยยังคงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ทองคำอาจจะยังคงได้รับแรงหนุนจากการลงทุนต่อไป
รายงานภาพรวมของทองคำช่วงกลางปี ที่สภาทองคำโลกได้เผยแพร่ยังชี้ให้เห็นว่า ทองคำมีผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์หลักส่วนใหญ่ในครึ่งแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา โดยในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ทองคำพุ่งขึ้นสูงถึง 12% และเกือบแตะ 15% ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ผลตอบแทนของทองคำในครึ่งแรกของช่วงครึ่งปีหลัง มีความแข็งแกร่ง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับสูง และเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งมักจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อทองคำ
มีสาเหตุหลายประการด้วยกันที่จะทำให้ทองคำมีผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง สภาทองคำโลกได้เริ่มเห็นว่านักลงทุนได้หันกลับมาสนใจในทองคำอีกครั้ง จากกระแสการลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำ สำหรับนักลงทุนในภูมิภาคยุโรปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม และในสหรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งการลดลงของอัตราดอกเบี้ย ควบคู่กับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ อาจช่วยสนับสนุนแนวโน้มนี้ต่อไป
นายฮวน คาร์ลอส อาร์ทิกัส หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ทองคำเป็นเช่นเดียวกับเศรษฐกิจระดับโลก ที่ดูเหมือนว่า กำลังรอปัจจัยที่จะเข้ามากระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งอาจเกิดขึ้นในรูปแบบของกระแสการลงทุนจากทางตะวันตกในขณะที่อัตราดอกเบี้ยลดลง หรือตัวชี้วัดระดับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่สูงขึ้น แม้แนวโน้มนอนาคตอาจจะยังมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ความต้องการทองคำเพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการจัดสรรสินทรัพย์นั้นกำลังเพิ่มสูงขึ้น
เขาบอกด้วยว่า ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน นักลงทุนจึงต้องการรู้ว่าแนวโน้มของทองคำที่ผ่านมาจะยังสามารถดำเนินต่อไปหรือจะลดความร้อนแรงลง
ในอดีตตลาดมักมองเฉพาะที่อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินดอลลาร์เท่านั้น ในการกำหนดมุมมองเกี่ยวกับทองคำ ซึ่งหากมองจากแนวทางดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นั้น น่าจะส่งผลเชิงลบต่อทองคำ แต่ราคาทองกลับพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในตลอดทั้งไตรมาสที่ 2
สภาทองคำโลกคาดว่า ความต้องการทองคำของธนาคารกลางในปีนี้จะยังคงสูงกว่าแนวโน้มที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับ Metals Focus โดยการคาดการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากรายงานผลการสำรวจจากธนาคารกลางของสภาทองคำโลกที่ได้แสดงให้เห็นว่าผู้จัดการด้านทุนสำรองทองคำ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำต่อไป
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าธนาคารกลางบางแห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางจีน ได้ปรับลดปริมาณการซื้อทองคำลง
ไทยอันดับ 1 อาเซียน ความต้องการทองคำพุ่งสุด
นักลงทุนชาวเอเชียยังได้มีบทบาทสำคัญต่อผลการดำเนินงานของทองคำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดจากความต้องการในทองคำแท่ง และเหรียญทองคำ รวมถึงการไหลเข้าของกระแสการลงทุนใน ETF ทองคำในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567
นายเซาไก ฟาน หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ความต้องการทองคำผู้บริโภคของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่ระดับจำนวน 9 ตัน ถือเป็นการเติบโตคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ แม้ราคาทองคำได้พุ่งสูงขึ้น ความต้องการทองคำทั่วโลกก็ยังคงเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 1,258 ตัน และถือเป็นไตรมาสที่ 2 ของปีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เก็บรวบรวมข้อมูลมา
เมื่อมองไปในอนาคต คำถามคือมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะผลักดันให้ทองคำยังคงมีความน่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ในกลยุทธ์การลงทุนต่อไป
จากการคาดการณ์และรอคอยมาเป็นระยะยาวนานว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่นานนี้ ทำให้กระแสการลงทุนได้ไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจากตะวันตกหันกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง การฟื้นตัวของการลงทุนจากกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง อาจเปลี่ยนแนวโน้มการเคลื่อนไหวของความต้องการทองคำในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
โดยสรุปแล้วทองคำอาจยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่จำกัด (Rangebound) หากธนาคารกลางสหรัฐใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ในการลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่ทองคำจะมีผลตอบแทนสูงกว่าจากจุดนี้ โดยอาจเกิดจากแรงหนุนของกระแสการลงทุนในฝั่งตะวันตก ในทางกลับกันหากความต้องการทองคำของธนาคารกลางลดลงอย่างมาก และอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอเชียเปลี่ยนไป นักลงทุนอาจเห็นการปรับฐานในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ การวิเคราะห์ของสภาทองคำโลกได้แสดงให้เห็นว่าทองคำมีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยง และเป็นแหล่งสภาพคล่องทางการเงิน ควบคู่ไปกับการให้ผลตอบแทนระยะยาวในเชิงบวก
สถานการณ์เศรษฐกิจรูปแบบต่างๆ และปัจจัยสำคัญสี่ประการที่ส่งผลกระทบต่อทองคำ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- YLG มองทองคำไปต่อ! คาดพุ่งแตะ 2,650 ดอลลาร์ ลุ้นเป้าหมายปีนี้ที่ 43,000 บาท
- นักวิเคราะห์ชี้ 2568 ปีทอง ‘ทองคำ’ คาดราคาพุ่งถึง 3,000 ดอลลาร์
- ดีมานด์ซื้อทองคำของคนไทยพุ่ง 20% สูงสุดในอาเซียน ชี้ความต้องการทั่วโลก หนุนราคาทองเพิ่ม
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg