องค์การอนามัยโลก เตือน ประชาชนในฉนวนกาซามีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับโรคระบาด เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ด้วยการทิ้งระเบิดนั้นได้ส่งผลกระทบต่อระบบการดูแลสุขภาพ การเข้าถึงน้ำสะอาด รวมถึงทำให้ผู้คนต้องไปอยู่รวมกันอย่างหนาแน่นในศูนย์ลี้ภัย
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า “ตัวเลขผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บในฉนวนกาซายังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากสงครามทวีความรุนแรงขึ้น ศูนย์ลี้ภัยต่าง ๆ จึงมีความแออัดยัดเยียดอย่างมาก นอกจากนี้ การที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ น้ำสะอาด และระบบสุขาภิบาลต่าง ๆ นั้นได้เพิ่มความเสี่ยงที่โรคติดเชื้อจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ WHO ระบุว่า การขาดแคลนเชื้อเพลิงในเขตที่มีประชากรหนาแน่นนั้น ส่งผลให้โรงงานกรองน้ำทะเลต้องปิดตัวลง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การแพร่ระบาดของโรคท้องร่วง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในขณะที่การจัดส่งทั้งอาหาร, น้ำ และยาไปยังฉนวนกาซาเป็นไปอย่างจำกัด อิสราเอลยังปฏิเสธที่จะส่งเชื้อเพลิงเข้าสู่ฉนวนกาซา เนื่องจากมีความกังวลว่า กลุ่มฮามาสจะนำเชื้อเพลิงไปใช้ในการทำสงคราม แม้องค์การสหประชาชาติ (UN) และกลุ่มช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเรียกร้องให้ส่งเชื้อเพลิงไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยก็ตาม
WHO ระบุว่า ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงมากกว่า 33,551 รายนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค. โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และจำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบจากอาการท้องร่วงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับจำนวนเด็กป่วยจากอาการท้องร่วงเฉลี่ย 2,000 รายต่อเดือนตลอดปี 2564 และ 2565
นอกจากนี้ WHO ยังบ่งชี้ว่า การขาดแคลนเชื้อเพลิงทำให้ระบบกำจัดขยะต้องหยุดชะงักด้วยเช่นกัน ซึ่งได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแพร่กระจายของแมลง และสัตว์ฟันแทะที่สามารถเป็นพาหะและแพร่กระจายเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เศร้า!! WHO เผย ‘เด็กในฉนวนกาซา’ เสียชีวิต 160 รายต่อวัน
- ‘ยูเอ็น’ ร้อง ‘หยุดยิง’ ทันที ชี้ ‘กาซา’ กำลังกลายเป็น ‘สุสานเด็ก’
- ‘อิสราเอล’ ตามล่า ‘ฮามาส’ เดินหน้าค้นหา-ปิด เครือข่ายอุโมงค์ หลังบุกเข้าถึง ‘กาซา ซิตี้’