นครหวงซาน มณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน จัดประชุมความร่วมมือรัฐบาลท้องถิ่นและเมืองมิตรภาพ (หวงซาน) ประจำปี 2023 ระหว่างวันที่ 9-10 มิ.ย. ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงาน การประชุมฯ จัดขึ้นทางออนไลน์และออฟไลน์ ได้หารือโอกาสใหม่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการพัฒนาร่วมกันในอนาคต หัวข้อของการประชุมฯ คือ “ความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่ออนาคตที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์” โดยมีพิธีเปิด การปราศรัยสำคัญ การเสวนาของสมาชิกความตกลงฯ รวมถึงนิทรรศการผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไทย กล่าวปราศรัยผ่านคลิปวิดีโอในพิธีเปิด แสดงความหวังว่าคณะผู้แทนจากไทยจะทำให้ไทยเป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันนายวิษณุ กล่าวกระตุ้นความร่วมมือระหว่างไทยกับสมาชิกความตกลงฯ ในด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทยกับอันฮุย ตลอดจนหวงซาน
นายธำรงศักดิ์ ล้อมพงษ์พิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของสมาชิกความตกลงฯ
นายธำรงศักดิ์ ได้แนะนำตลาดการท่องเที่ยวไทยแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมข้างต้น และเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเยือนไทย พร้อมชี้ว่ามิตรภาพระหว่างจีนและไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนาน
“มณฑลอันฮุยมีสายสัมพันธ์ความร่วมมืออันดีกับไทย ด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการค้า ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากนครเหอเฝยของอันฮุยสู่กรุงเทพฯ จำนวน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์” นายธำรงศักดิ์ กล่าว
นายธำรงศักดิ์ กล่าวว่ามีการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเยือนไทยในปีนี้จะสูงแตะ 5 ล้านคน ขณะเดียวกันมุ่งเสริมสร้างการแลกเปลี่ยน และความร่วมมือทางการท่องเที่ยวระหว่างไทยและอันฮุย
โดยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้ครอบคลุมฟิลิปปินส์แล้ว ทำให้ขณะนี้ความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อสมาชิกรวมทั้งสิ้น 15 ประเทศ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่าการดำเนินการความตกลงฯ อย่างเต็มรูปแบบสะท้อนความมุ่นมั่นและการลงมือปฏิบัติงานของสมาชิก 15 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง เสรี ยุติธรรม ครอบคลุม และอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์
ความตกลงฯ ได้รับการลงนามในเดือนพฤศจิกายน 2020 โดยกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก 15 ประเทศ ภายหลังการเจรจาหารือระยะเวลา 8 ปี และเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2022 ซึ่งนับเป็นการสร้างเขตการค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
กระทรวงฯ ชี้ว่าการดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบนี้จะอัดฉีดแรงกระตุ้นแข็งแกร่งสู่การบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ยกระดับการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนในเอเชียตะวันออกอย่างครอบคลุม และมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาที่มีเสถียรภาพในระยะยาวของเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก
การค้าระหว่างจีนและสมาชิกความตกลงฯ เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 12.95 ล้านล้านหยวน (ราว 63.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2022 ขณะปริมาณการลงทุนโดยตรงที่มีการใช้งานจริงในจีนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพิ่มขึ้น 23.1% อยู่ที่ 2.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.13 แสนล้านบาท)
จีนจะเดินหน้ารับรองการดำเนินการความตกลงฯ อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียว เพื่อให้ความร่วมมือดังกล่าวมีบทบาทเต็มที่ในการเกื้อหนุนความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่อุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูงและการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง
ทั้งนี้ จีนจะทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ เพื่อปฏิบัติตามพันธกรณี เสริมสร้างกลไกความตกลงฯ ยกระดับการดำเนินการในภาพรวมของความตกลงฯ ตลอดจนรับประกันการพัฒนาความตกลงฯ อย่างมั่นคง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 คืบหน้า คาดใช้รถรุ่น ‘ฟู่ซิงห้าว’ CR300AF มาวิ่งให้บริการ
- ‘ชัยมงคล’ ว่าที่ ส.ส.สกลนคร ‘พลังประชารัฐ’ เชื่อนโยบาย ‘รถไฟความเร็วสูง-แก้หนี้เกษตรกร’ ทำชนะเลือกตั้ง
- ทุเรียนไทยไปจีนฉลุย ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี หนุนใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว
