“ไอเอ็มเอฟ” ชี้ ความพยายามของหลายชาติ ที่จะลดพึ่งพาจีน หวังกระจายความเสี่ยง แม้จะทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น แต่อาจทำให้เกิดการแยกตัวเป็นกลุ่มก้อน ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นายปีแอร์ โอลิเวอร์ กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอมเอฟ) เตือนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลก จะถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มก้อนหลังประเทศต่าง ๆ ในแถบตะวันตก เคลื่อนไหวเพื่อลดการพึ่งพาจีน โดยในเดือนที่ผ่านมา กลุ่ม G7 ประกาศสร้างความหลากหลายด้านห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญและลดความเสี่ยง ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างจีนและตะวันตก
นายกูรินชาส์ ระบุว่า การสร้างความหลากหลายด้านห่วงโซ่อุปทาน สามารถทำให้เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่กระแสการลดความเสี่ยงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
“มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน โดยแต่ละกลุ่มจะมีรูปแบบการค้า ระบบการชำระเงิน และมาตรฐานทางเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง โดยไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับกลุ่มอื่น ๆ”
เขาบอกกด้วยว่า กรณีดังกล่าว จะกลายเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจโลกในหลากหลายรูปแบบและทำให้จัดการแก้ไขปัญหาที่มีร่วมกันได้ยากยิ่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศหรือหนี้สินจำนวนมหาศาลในประเทศที่มีรายได้ต่ำบางประเทศ
ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2.8% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากการขยายตัวที่ 3.4% ในปี 2565 โดยจีน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโลก มีการฟื้นตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง หลังยกเลิกการบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตจีนที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (31 พ.ค.) นั้นอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI ) ภาคการผลิตเดือนพฤาภาคม ของจีน อยู่ที่ระดับ 48.8 ลดลงจากระดับ 49.2 ในเดือนเมษายน โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนเข้าสู่ภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวที่รุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.4
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ เพิ่มคาดการณ์ ‘เศรษฐกิจเอเชีย’ ปี 66 โต 4.6% หั่นจีดีพีไทย เหลือ 3.4%
- ชี้ ‘จีน’ ปรับนโยบายคุม ‘โรคระบาด’ หนุนเศรษฐกิจโลก
- ‘เจพีมอร์แกน’ คาด ‘วิกฤติธนาคาร’ ทำ ‘เศรษฐกิจโลก’ เสี่ยงเจอภาวะ ‘Minsky Moment’