‘สี จิ้นผิง’ เดินทางถึงรัสเซีย ทั่วโลกจับตาซัมมิต ‘ปูติน’

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 20 มีนาคม 2566

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางถึงกรุงมอสโกในวันนี้ ตามกำหนดการเดินทางเยือนเป็นเวลา 3 วัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย และเพื่อรับบทบาทในการเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในยูเครน

ผู้นำจีนมีกำหนดพบปะอย่างไม่เป็นทางการกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันนี้ (20 มี.ค.) ในการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ก่อนที่จะจัดการเจรจาอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) ซึ่งจะมีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและรัสเซียจนถึงปี 2573

การเดินทางดังกล่าวเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีสี นับตั้งแต่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3

ทั้งนี้ คาดกันว่า ประธานาธิบดีสีจะนำข้อเสนอ 12 ข้อของจีน ในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้าหารือกับประธานาธิบดีปูตินในการพบปะกันครั้งนี้ โดยทั่วโลกต่างฝากความหวังไว้ที่ผู้นำจีน ซึ่งจะมารับบทบาทปลดชนวนสงครามยูเครน

ที่ผ่านมาผู้นำโลกหลายคนไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส หรือประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ต่างก็ได้เคยเจรจากับผุ้นำรัสเซีย แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดสันติภาพในยูเครน

นายสตีเฟน โรช นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีสีเป็นบุคคลเดียวในโลก ที่จะสามารถโน้มน้าวประธานาธิบดีปูตินในการยุติสงครามในยูเครน

อย่างไรก็ดี ชาติตะวันตกยังคงแสดงความคลางแคลงใจต่อบทบาทของจีนในการเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยมองว่า ข้อเสนอสันติภาพของจีนเอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย เช่น เสนอให้ยกเลิกแนวคิดแบบสงครามเย็น และยกเลิกการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งให้ทุกฝ่ายยุติการสู้รบ ขณะที่รัสเซียยังคงยึดครองดินแดนบางส่วนของยูเครน

นอกจากนี้ จีนไม่เคยประณามการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน และยังมีข่าวลือว่าจีนเตรียมส่งอาวุธช่วยเหลือรัสเซียในการโจมตียูเครน

การเดินทางเยือนรัสเซียของประธานาะิบดีสีในครั้งนี้ จึงเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของจีนในการยุติสงครามยูเครน ขณะที่การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ดำเนินไปนานกว่า 1 ปี และได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวยูเครนนับล้านคน

อ่านข่าวเพิ่มเติม