“สิงคโปร์” ประกาศ เลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย สำหรับผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ มีผล 13 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งยังจะยกเลิกข้อบังคับ ผู้เดินทางเข้าประเทศ ไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้จะยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดสก็ตาม
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันจันทร์หน้า (13 ก.พ.) จะยกเลิกข้อบังคับ ที่กำหนดให้ต้องสวมหน้ากากอนามัย ระหว่างการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และจะยกเลิกหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจโควิด-19 ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2563
นอกจากนี้ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนยังไม่ครบ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนออกเดินทาง จากเดิมที่จะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบภายใน 2 วันก่อนออกเดินทาง
อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางมาสิงคโปร์ทางอากาศหรือทางทะเล ยังคงต้องส่งแบบฟอร์มแจ้งข้อมูลสุขภาพ ก่อนหรือเมื่อเดินทางมาถึง
ทางด้านนายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประธานร่วมหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจโควิด-19 ระบุว่า สถานการณ์โควิดของสิงคโปร์ อยู่ในสถานะทรงตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้จะมีการเดินทางเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี และในช่วงวันหยุด รวมถึงจีนที่ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์
“ประชากรของเรามีภูมิต้านทานแบบไฮบริดในระดับสูง ความเสี่ยงของการติดเชื้อที่นำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตนั้นต่ำมาก เมื่อเทียบกับโรคทางเดินหายใจประจำถิ่นอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่”
ทั้งนี้ การผ่อนปรนข้อกำหนดก่อนการออกเดินทาง และการไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยถือเป็นก้าวสำคัญที่ย้ำว่า โรคโควิดเป็นโรคประจำถิ่น และเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับสิงคโปร์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เยอรมนี’ เลิกบังคับ ‘สวมหน้ากากอนามัย’ โดยสารรถไฟ-รถประจำทาง หลังโควิด-19 ลด
- ‘เกาหลีใต้’ เลิกบังคับ ‘สวมหน้ากากอนามัย’ ในอาคารสาธารณะ
- ‘ญี่ปุ่น’ จ่อไฟเขียว ‘ถอดหน้ากากอนามัย’ ในที่ปิด แต่ยังบังคับในที่เสี่ยงสูง