The Bangkok Insight

มองปรากฏการณ์ ‘บ้านล้านหลัง’ แบบไม่อิงการเมือง

Avatar photo
279

เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น ก็จะถึงกำหนดเลือกตั้งตามที่รัฐบาลประกาศไว้ และก็เป็นเวลาของการหาเสียง ไม่แปลกที่พรรคผู้เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน จะหยิบจับทำอะไรก็หนีไม่พ้นถูกโยงเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งก็คงต้องยอมรับ เพราะ ..ท่านเลือกที่จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่มี ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เป็นบุคคลในรัฐบาล ซึ่งท่านเลือกเอง!!

เพราะการเมืองบ้านเราก็อย่างที่เห็นๆ การแข่งขันมีทุกรูปแบบ ทั้งบนโต๊ะ-ใต้โต๊ะ-ในกติกา-นอกกติกา-วิชาเทพ-วิชามาร สุดแล้วแต่สรรหามาทับถมกัน แต่เอาเป็นว่าขอพักเรื่องการเมืองไว้ก่อน

ขอไม่มองเรื่องการเมืองสำหรับโครงการที่สร้างกระแสแรงเมื่อวันอาทิตย์ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ได้เปิดโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลัง วงเงิน 50,000 ล้านบาท ให้ประชาชนจองในวันเดียว คือ 23 ธันวาคม 2561

ทำให้มีผู้มายืนจองคิวแรกตั้งแต่ 3 ทุ่มครึ่งวันก่อนหน้าคือ 22 ธันวาคม สำหรับธอส.สำนักงานใหญ่ ส่วนธอส.ในต่างจังหวัด มีรายงานข่าวว่า ประชาชนทยอยมาจองคิวกันตั้งแต่ตี 1 เช้ามืดวันที่ 23 กันเลยทีเดียว

ตอกย้ำความสนใจของประชาชน ด้วยยอดจองที่เข้ามาถล่มทลาย ทั่วประเทศปิดที่ยอดกว่า 1.3 แสนล้านบาท สูงกว่าวงเงินที่ธอส.ประกาศไป 50,000 ล้านบาทเกือบ 3 เท่า!

แยกเป็นข้อมูลการจองสิทธิ์รายภาค ได้ดังนี้

  • สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจอง 29,000 ล้านบาท
  • สาขาภาคใต้ มียอดจอง 27,000 ล้านบาท
  • สาขาภาคกลาง ยอดจอง 19,000 ล้านบาท
  • สาขากรุงเทพฯและปริมณฑล มียอดจอง 18,000 ล้านบาท
  • สาขาภาคตะวันออก 16,000 ล้านบาท
  • สาขาภาคเหนือ 13,000 ล้านบาท
  • สาขาภาคตะวันตก 5,000 ล้านบาท

ปรากฎการณ์นี้สะท้อนอะไร? มันสะท้อนว่า คนยังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นจำนวนมหาศาล ถึง 1.3 แสนล้านก็เท่ากับ 1.3 แสนคน หากผู้ประกอบการสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทออกสู่ตลาดได้ เชื่อว่าจะมีการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน!

แต่ข้อเท็จจริง ความต้องการจอง กับความสามารถในการซื้อ ไม่ได้เดินเคียงคู่กันมาเสมอไป! ..เพราะถึงแม้จะมีความต้องการอยู่จริง (มองข้ามประเด็นสร้างกระแสที่หลายคนกล่าว) ก็ใช่ว่าจะซื้อได้ถึง 1.3 แสนหน่วยตามนั้น เพราะการขอสินเชื่อผ่านธนาคารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย!

บรรยากาศธอส.ที่โคราช จองบ้านล้านหลัง
บรรยากาศธอส.ที่โคราช จองบ้านล้านหลัง

โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวงเงินสูง เป็นสินเชื่อระยะยาว ธนาคารจะดูความสามารถในการผ่อนชำระ และดูหลักฐานรายได้ค่อนข้างละเอียด ยิ่งกับประชาชนผู้กู้ที่มีรายได้น้อย-รายได้ปานกลาง ซึ่งส่วนใหญ่มักติดภาระหนี้ครัวเรือน และภาระหนี้สินอื่นๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขอสินเชื่อ

ยอดแสดงความสนใจกว่า 1.3 แสนล้าน เมื่อผ่านขั้นตอนพิจารณาสินเชื่อแล้ว อาจเหลือไม่ถึงครึ่ง!

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้ประชาชนมาจองสิทธิ์ ก็ถือเป็นการได้ตรวจสอบความต้องการที่แท้จริง ของที่อยู่อาศัยสำหรับตลาดคนทั่วไป ผู้มีรายได้ปานกลาง-รายได้น้อย ด้วยข้อเสนอการผ่อนต่องวดไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งน่าจะเป๊นอีกเหตุผลหลัก ที่เรียกความสนใจจากตลาดได้มากดังที่ปรากฏ

แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ขอสินเชื่ออาจมีอายุเกินกว่าจะยืดเวลาสัญญา ให้ยาวจนสามารถทำให้เงินผ่อนต่องวด สำหรับสินเชื่อ 1 ล้านบาท เหลือไม่เกิน 4,000 บาท/เดือนได้ เช่น หากผู้กู้อายุ 40 ปลายๆ โอกาสที่จะได้ผ่อนระยะยาว 30 ปี เป็นไปไม่ได้เลย อย่างดีก็ได้ 20 ปี เพราะธนาคารจะให้สิทธิ์การขอสินเชื่อผ่อนบ้านรวมอายุผู้กู้ต้องไม่เกิน 65 ปี

เมื่อระยะเวลาไม่ได้ยาว 30-40 ปีตามต้องการ โอกาสที่จะผ่อนต่องวดต่ำกว่า 4,000 บาทก็แทบไม่มี ตลาดจะรับภาระการผ่อนสูงขึ้นได้แค่ไหน หากเกินกำลัง ลูกค้าเหล่านี้ก็คงถอดใจไม่ซื้อเช่นกัน

ดังนั้น การประเมินยอดความสนใจ 1.3 แสนราย กับยอดการซื้อจริงของฐานผู้สนใจซื้อบ้านล้านหลัง จึงต้องดูรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายจุด รัฐบาลก็คงเข้าใจประเด็นนี้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการให้โครงการนี้ เป็นการช่วยให้คนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างแท้จริง นอกจากกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษแล้ว ควรจะมีมาตรการผ่อนปรนพิเศษ ในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับบ้านล้านหลังด้วย โครงการนี้จึงจะสัมฤทธิ์ผล

แต่ในสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ การจะผ่อนปรนเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อบ้าน เป็นเรื่องที่แทบไม่มีโอกาสเลย!!  เพราะขนาดสินเชื่อบ้านปกติ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังออกมากำหนดมาตรการวางเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่สอง-สามเพิ่มเป็น 10-30% ดังนั้น โอกาสจะผ่อนปรนให้กับสินเชื่อบ้านล้านหลัง จึงเป็นไปไม่ได้!

คงต้องรอดูกันต่อไป สำหรับโครงการบ้านล้านหลัง สุดท้ายปลายทางแล้ว จะทำให้ประชาชนซื้อบ้านได้เป็นของตนเอง ได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมาย!!