“สาธารณสุข” เผย คู่สามีภรรยากาฬสินธุ์ เป็นคลัสเตอร์โอไมครอนแรกในไทย ถือเป็นตัวอย่างทุกจังหวัดคุมเข้ม ขอคนเข้าประเทศอย่าเพิ่งพบปะพบญาติพี่น้อง อาจอยู่ช่วงฟักตัวของโรค
วันนี้ (24 ธ.ค.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง กรณีสามีภรรยาจังหวัดกาฬสินธุ์ เดินทางกลับจากเบลเยียม นำเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอไมครอน ไปติดคนรอบข้างว่า เป็นอุทาหรณ์ถึงความไม่ประมาท เพราะการเดินทางเข้ามาด้วยระบบเทสต์แอนด์โก (Test&Go) แม้จะมีการตรวจ RT-CPR ก่อนเข้าไทย 72 ชั่วโมง เมื่อเข้าไทยตรวจซ้ำอีกครั้ง ก็ยังไม่การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อ เพราะอาจอยู่ในช่วงระยะฟักตัวของโรค
ฉะนั้น สำหรับคนไทยที่เพิ่งกลับเข้าประเทศมาในช่วงนี้ อย่าเพิ่งรีบไปพบญาติ หรือรวมตัวกัน เพราะอาจเสี่ยงติดเชื้อจากช่วงระยะฟักตัวนี้ และคนที่มีญาติเพิ่งมาจากต่างประเทศ ก็อย่าเพิ่งรีบไปเจอ หรือรวมตัวกัน
“ข้อมูลของผู้ติดเชื้อโอไมครอนขณะนี้ พบว่า ความรุนแรงของโรค ที่ทำให้ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล คิดเป็นครึ่งหนึ่งของสายพันธุ์เดลตา เช่นเดียวกับอัตราเสียชีวิตลดลงครึ่งหนึ่งของเดลตา แต่อัตราการติดเชื้อเร็วกว่าเดลตา โดยเฉพาะในคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน”
ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยพบโอมิครอนประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ แสดงว่าระบบตรวจจับทำงานได้ แต่อย่างที่ทราบ ระบบ Test&Go แม้จะตรวจก่อนเข้าประเทศไทย 72 ชั่วโมง มาถึงไทยตรวจอีกครั้ง แต่ในเชิงทฤษฎี มีโอกาสที่คนที่อยู่ในระหว่างฟักตัวของโรค ตรวจวิธีใดก็ไม่เจอ จึงต้องใช้ระบบเฝ้าระวัง มีระบบติดตาม
ขณะนี้ผู้ติดเชื้อในประเทศมีไม่มาก แต่อย่างที่ทราบ ที่หลุดออกจากระบบ Test&Go จึงเป็นที่มาปรับระบบการเข้าประเทศ โดยให้หยุด Test&Go ชั่วคราว
“กรณีจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เข้ามาทาง Test&Go ปกติ ตรวจเป็นลบทุกอย่าง ต่อมามีอาการจึงไปตรวจจนพบเชื้อ และเมื่อสอบสวนไทม์ไลน์อย่างละเอียดพบว่า มีกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงหลายคน มีปัจจัยเสี่ยงรับประทานอาหารร่วมกัน อยู่ในห้องที่ถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งเป็นปัจจัยที่พูดบ่อย แต่อาจเผลอเรอ และยังมีการพูดคุยกันเวลานาน โดยเรามีการติดตามวงต่าง ๆ เบื้องต้นพบประมาณกว่า 20 ราย ขณะนี้อยู่ในการควบคุม”
เมื่อถามว่ากรณีกาฬสินธุ์ ถือเป็นคลัสเตอร์แรกในไทยหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ถือเป็นคลัสเตอร์แรก แต่ถ้ารายแรก คือ ชายอเมริกันที่ก่อนหน้านี้เข้ามา
นพ.โอภาส บอกด้วยว่า กรณีของกาฬสินธุ์ ถือเป็นตัวอย่าง โดยเรื่องที่วิตกว่า ยังมีอีก 200,000 คน ที่ขึ้นทะเบียน Test&Go นั้น ขอบอกว่า คนขึ้นทะเบียน Test&Go ไม่ได้แปลว่าจะเข้ามาทั้ง 200,000 คน จากสถิติที่ผ่านมาจะเข้ามาประมาณ 70% ซึ่งมีระบบตรวจสอบ และเพิ่มมาตรการเข้ามา
โดยคนเข้ามาระบบนี้ เดิมตรวจวันแรกวันเดียว จากนั้นจะตรวจอีกทีเมื่อมีอาการ ตอนนี้ปรับระบบใหม่ โดยจะตรวจวันที่ 5 หรือ 6 หรือก่อนวันที่ 7 และเน้นย้ำหากมีอาการผิดปกติให้รีบมาตรวจ และจากเดิมวางแผนจะใช้ ATK ก็เปลี่ยนเป็นตรวจด้วย RT-PCR
นพ.โอภาส ย้ำว่า เป็นตัวอย่างที่หลุดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคน อย่างสถิติประมาณการณ์ว่า หาก 200,000 คน ก็อาจเกิด 1 ใน 10,000 คน หรือประมาณ 200 คน แต่หากระวังมากก็จะลดลงได้
วันนี้รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ปลัดสธ. สั่งการไปยังพื้นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง นี่เป็นตัวอย่างว่าจะหลุดอย่างไรก็จะได้ป้องกันได้ ดังนั้น ช่วงปีใหม่ขอให้ฉลองแบบพอเพียง ระมัดระวัง ใส่หน้ากากอนามัยมากที่สุดเท่าที่ทำได้
เมื่อถามถึงอาการผู้ป่วยโอไมครอนเป็นอย่างไร นพ.โอภาส เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโอไมครอน มีอาการน้อยมาก แต่มีการเตรียมพร้อม ระมัดระวัง เพราะอย่างที่ทราบสายพันธุ์นี้แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ซึ่งปลัด สธ.ให้เตรียมพร้อมการรักษา ทั้งเตียง ที่เดิมมีกว่า 200,000 เตียง ปัจจุบันใช้ไปกว่า 30,000 เตียง และยาที่ใช้รักษา อย่าง ยาแพกซ์โลวิด ที่อเมริกาตรวจสอบแล้ว และประสิทธิภาพค่อนข้างดี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตะลึง!! ไทยติดโอไมครอน 205 ราย-ห่วงคลัสเตอร์กาฬสินธุ์เสี่ยงสูง 100 ราย
- ‘บิ๊กตู่’ สั่งเตรียมแผนเผชิญ ‘โอไมครอน’ หลังปีใหม่ มั่นใจ ‘สธ.’ เอาอยู่!
- ‘หมอยง’ ย้ำ! ฉีดวัคซีน 2 เข็มสู้โอไมครอนไม่ได้ ต้องกระตุ้นด้วย ‘แอสตร้า-mRNA’