ทีมแพทย์สอบสวนโรคเร่งติดตามตัว “แท็กซี่” ที่ หญิงชาวเลยเรียกให้มาส่ง ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ วันที่ 18 สิงหาคม เผยผู้สัมผัสใกล้ชิดมี 24 ราย ขณะ ผู้ร่วมพักโรงแรม 104 คน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ แต่สามารถมารับการตรวจหาเชื้อได้ ระบุน่าจะเป็นการติดเชื้อ 3 เดือนย้อนหลัง ขณะอยู่ที่ดูไบ แต่ยันขณะอยู่กทม.ไม่น่ามีความเป็นไปได้
วันนี้ (20 ส.ค.) เวลา 18.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 1 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พร้อมด้วย รศ.นพ. สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี และผู้แทนคณะแพทย์รามาธิบดี พญ.วลัยลักษณ์ ไชยฟู อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว กรณีหญิงไทย อายุ 35 ปี ทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกลับไทย พักอยู่ใน State Quarantine เป็นเวลา 14 วัน ก่อนเดินทางกลับบ้านที่ จังหวัดเลย
ต่อมาหญิงไทยรายนี้ ได้เข้ารับการตรวจสุขภาพ และตรวจหาพันธุกรรมโควิด-19 ที่ โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ เพื่อขอใบรับรองแพทย์ในการเดินทาง ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และทางโรงพยาบาลได้ทำการรับเข้ารักษาในระบบแล้ว
ขณะนี้หญิงรายดังกล่าว ไม่นับว่าเป็นผู้ป่วย แต่มีความเป็นไปได้ว่าหญิงรายดังกล่าวอาจจะมีการติดเชื้อ จากในอดีตประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยนับถอยหลังตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ที่มีการที่ได้เดินทางมาตรวจที่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อการตรวจเลือดพบภูมิต้านทานไวรัสโควิด- 19 จึงต้องมีการดำเนินการกระบวนการสอบสวนโรค ตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ ซึ่งในเบื้องต้น มีตัวเลขรวมผู้ที่อยู่ในข่าย จะต้องติดตามสอบสวน ผู้สัมผัสใกล้ชิดมี 24 ราย ได้แก่ พ่อแม่ และเพื่อน ที่อยู่ร่วมบ้าน 2 คน รวมทั้งเพื่อนอีก 6 คน ที่ได้มีการสัมผัสใกล้ชิด เมื่อหญิงรายดังกล่าวไปเยี่ยมเพื่อนคลอดลูกที่โรงพยาบาลปากชม
นอกจากนี้ ยังมีคนขับแท็กซี่ ที่ได้โดยสารขณะที่เดินทางไปที่โรงพยาบาลรามาฯ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 5 คน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวคนขับแท็กซี่รายดังกล่าว เพื่อตรวจหาเชื้อต่อไป
อีกทั้งยังมีเพื่อน 2 คน ที่ร่วมพักในโรงแรมบัดดี้เพลสเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ก่อนที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกัน ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แม่บ้าน 2 คนของโรงแรมดังกล่าว
ในส่วนผู้ที่ร่วมพักโรงแรม บัดดี้เพลส ในช่วงเวลาที่หญิงคนดังกล่าวเข้าพักอาศัยมีจำนวน 104 ราย ซึ่งแม้จะเป็นผู้ที่ถือว่าเป็นผู้สัมผัสเสียงต่ำ แต่ถ้าหากไม่สบายใจสามารถเดินทางมารับการตรวจหาเชื้อได้
สำหรับหญิงรายดังกล่าวนั้น ทางทีมแพทย์ผู้ให้การรักษาค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่ใช่ผู้ป่วย ส่วนงไวรัสที่พบจากการตรวจเลือดนั้น เป็นเพียงซากของเชื้อสารพันธุกรรมไวรัสโคโรนา ที่มีปริมาณน้อยมาก
ทั้งนี้ จากการติดตามไทม์ไลน์การสอบสวนโรค ความเป็นไปได้ที่หญิงรายดังกล่าวติดเชื้อ น่าจะตั้งแต่ขณะอยู่ที่ดูไบ คือย้อนหลังไป 3 เดือนนับจากวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ ที่จะติดเชื้อขณะอยู่ภายในประเทศไทย หรือขณะที่อยู่จังหวัดเลย แต่ช่วงอยู่ในกทม.ไม่น่ามีความไปได้
ทีมแพทย์ ย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดสถานที่ต่างๆ ที่หญิงสาวรายนี้เดินทางไป รวมทั้ง โรงเรียน หรือร้านอาหารในจังหวัดเลย สามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ
แต่ทุกคนควรที่จะต้องเน้นย้ำการรักษาสุขอนามัยเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา โดยขณะเดียวกัน ทางทีมแพทย์ผู้สอบสวนโรคก็จะได้ดำเนินการติดตามไทม์ไลน์ของหญิงรายนี้ และนำผู้ที่สัมผัส มารับการตรวจหาเชื้อต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หมอธีระชี้ อย่าพูดแค่ ‘ซากไวรัส’ ทำคนไขว้เขว โควิด-19 ถึงอาการดีขึ้นก็แพร่เชื้อได้
- ‘อนุทิน’ มั่นใจสาธารณสุขไทยรับมือได้ อย่าตื่น! ข่าวติดโควิด-19 ในประเทศ
- ด่วน! รพ.รามาฯ พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ กักตัวครบ 14 วันแล้ว ก่อนออกมาใช้ชีวิตปกติ