ต้องการอื้อ ! ตลาดโรงไฟฟ้า ต้องการบุคลากร 7,500 คน รับการเติบโตตามแผน PDP 2018 และ “ศูนย์กลางพลังงานไฟฟ้าอาเซียน” กฟผ.เร่งผลิตคนรองรับ จับมือ สคช.- มจธ. พัฒนาทักษะบุคลากรมาตรฐานอาเซียน
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 (PDP 2018) คาดว่าจะมีความต้องการบุคลากรด้านการผลิตสำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ประมาณ 7,500 คน ไม่นับรวมการประกาศเป็นศูนย์กลางพลังงานไฟฟ้าอาเซียน ที่จะทำให้ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตอย่างมาก
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงร่วมกับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) และคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ดำเนินโครงการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน สาขางานระบบผลิตไฟฟ้า ผลิตบุคลากรมาตรฐานรองรับ
ดร.สุทธิชัย จูประเสริฐพร รองผู้ว่าการบริหาร กฟผ. กล่าวว่า อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า เป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนประเทศ โดย กฟผ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงของระบบผลิตไฟฟ้า จึงจัดทำมาตรฐานอาชีพร่วมกับ สคช. และ มจธ. เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผ่านการให้ข้อมูลจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในงานเดินเครื่อง (Operation) และซ่อมบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้า (Maintenance) ของ กฟผ.
รวมถึงทักษะการประยุกต์ใช้ของผู้ที่จะปฏิบัติงานในโรงไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลง ให้สามารถทำงานได้ทันที และยกระดับแรงงานฝีมือรองรับสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานไฟฟ้าของอาเซียนในอนาคต
โดยปัจจุบัน กฟผ. อยู่ระหว่างศึกษากระบวนการ และเตรียมบุคลากร ในการขึ้นทะเบียน เป็นหน่วยรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ (Certify Body) ที่จะดำเนินการหลังการจัดทำมาตรฐานอาชีพแล้วเสร็จ
ด้าน ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รักษาการผู้อำนวยการ สคช. กล่าวว่า การร่วมมือกับผู้ประกอบการและกลุ่มคนในอาชีพจัดทำมาตรฐานอาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติในแต่ละด้าน ซึ่งสาขางานระบบผลิตไฟฟ้า เป็นหนึ่งในสาขาเป้าหมายของ สคช.
และตามแผน PDP 2018 ที่คาดว่าจะมีความต้องการบุคลากร ด้านการผลิตสำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ประมาณ 7,500 คน ซึ่งต้องมีทักษะความรู้ ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับภาคการศึกษา โดยเฉพาะอาชีวศึกษา ให้มีทักษะในเชิงเทคนิค พร้อมเข้าสู่การทำงานได้ทันที หลังจบการศึกษา รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย
ขณะที่ ผศ.ดร. กู๊สกานา กูบาฮา คณบดีคณะพลังงานฯ มจธ. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มจธ.จะใช้เวลาในการดำเนินโครงการประมาณ 1 ปี เพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคแรงงาน โดยผู้มีส่วนได้เสียได้เข้ามาให้ข้อมูลทั้ง กฟผ. ภาคเอกชน และร่วมกันเขียนมาตรฐานอาชีพขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในปัจจุบัน แล้วกำหนดเป็นมาตรฐานอาชีพ
โดยจะเริ่มในสาขาอาชีพที่มีบุคลากรเข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด คือ งานเดินเครื่อง และงานซ่อมบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้า สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อน และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม เมื่อจัดทำมาตรฐานแล้วเสร็จ จะจัดทำเครื่องมือในการประเมิน เพื่อทดสอบความสามารถของผู้ปฏิบัติงานว่า มีความรู้ความสามารถอยู่ในระดับใด ให้สถานประกอบการหรือภาคการศึกษา ใช้เป็นแนวทางในการการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรในอาชีพต่อไปในอนาคต